Skip to content
Home » กานสินี โอภาสรังสรรค์ หนุนมาตรการหยุดความรุนแรงในโรงเรียน

กานสินี โอภาสรังสรรค์ หนุนมาตรการหยุดความรุนแรงในโรงเรียน

กานสินี โอภาสรังสรรค์ สส.รวมไทยสร้างชาติ หนุนรัฐบาลหามาตรการหยุดความรุนแรงในโรงเรียน สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียน ครู และผู้ปกครองอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่รัฐสภา น.ส.กานสินี โอภาสรังสรรค์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ร่วมอภิปรายถึงการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาล เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรมว่า เหตุสะเทือนขวัญในเหตุการณ์ที่เด็กอายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แทงเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน หลังเลิกแถวเคารพธงชาติ จนเพื่อนนักเรียนที่ถูกแทง มีอาการสาหัส ก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

โดยก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุการณ์ที่เด็กกระทำผิดกฎหมายโดยใช้ความรุนแรงในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุระทึกเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เคสเด็กอายุ 14 ปี กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าตกใจว่า เด็กที่กระทำความผิด มีอายุน้อยที่ต่ำลง ในขณะที่ความรุนแรงนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีสถิติจากหลายแหล่งข่าวแสดงให้เห็นว่า เยาวชนไทยมีการทำความผิดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มประชาคมอาเซียนกระทั่งในปี 2561 มีตัวเลขการกลั่นแกล้ง ข่มเหง รังแก กันในโรงเรียนของนักเรียนเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือเด็กตกเป็นเหยื่อ 6 แสนคนต่อปี รองจากประเทศญี่ปุ่น

น.ส.กานสินี กล่าวว่า ตนอยากเสนอแนวทางการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว การป้องกันการเกิดเหตุในโรงเรียนนอกจากการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้คนในสังคม หรือในโรงเรียนมีความปลอดภัย เราต้องมานั่งหารือกันในแนวทางการแก้กฎหมายให้มีความเข้มงวดขึ้น และเท่าทันกับยุคสมัย

หากจะเท้าความถึงข้อกฎหมาย ศาลแพ่งและพาณิชย์ของไทย กำหนดว่า เยาวชนคือผู้ที่มีอายุเกิน 14 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ ตรงกับพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 เยาวชนถือว่า เป็นผู้อ่อนผู้เยาว์ จึงเป็นผู้ที่ควรได้รับการให้อภัย หากกระทำผิด ก็ควรได้รับโทษตามควรแก่วัยและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

สำหรับ การพิจารณาโทษจะแตกต่างจากผู้กระทำผิดที่เป็นผู้ใหญ่ แต่เนื่องด้วยกฎหมายที่ใช้ต่อเยาวชนนั้น มีจุดประสงค์หลักคือ การฟื้นฟูและบำบัดเด็กที่กระทำผิด เพื่อให้โอกาสเด็กเหล่านั้นได้กลับมาดำรงชีวิตตามหลักจริยธรรม มิใช่การตัดสินเพื่อกักขัง ตนจึงอยากเสนอให้มีการพิจารณาให้มีมาตรการพิเศษ หรือบทบังคับให้ชัดเจนในบทลงโทษ

ในขณะเดียวกัน ขอเรียกร้องให้มีนโยบายในเรื่องของ การดูแลความปลอดภัยในรั้วโรงเรียน หรือแม้กระทั่งสถานที่สาธารณะ โรงเรียนควรจะเป็นเซฟโซนสำหรับนักเรียน ไม่ควรเป็นสถานที่น่าหวาดระเเวงหรือเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการก่อเหตุโศกนาฏกรรม

“เราควรกลับมานั่งตั้งคำถาม และไตร่ตรอง ถึงหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแก่ความรุนแรง ช่องทางการได้มาสู่อาวุธต่างๆ ทั้งมีด เเละปืน ทุกวันนี้เราสามารถซื้ออาวุธได้ตามแอปพลิเคชันต่างๆ ออนไลน์ ง่ายพอๆ กับการสั่งซื้อดินสอสี ดิฉันขอเป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อนจากประชาชนให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย นักเรียนก็ต้องมีที่เรียนที่ปลอดภัย ผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานมา ก็ต้องมั่นใจว่าโรงเรียนมีความปลอดภัย คุณครูและบุคลากร ก็ต้องมีที่ทำงานทีปลอดภัย ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต”สส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว