Skip to content
Home » “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ถามนายกรัฐมนตรีประโยชน์ที่ได้จากการไปต่างประเทศ

“อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ถามนายกรัฐมนตรีประโยชน์ที่ได้จากการไปต่างประเทศ

“อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” สส.ราชบุรี รทสช.ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในสภาฯประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการไปเยือนต่างประเทศ พบ 7 ผู้นำใน 5 ประเทศ

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้าง (รทชส.) ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เกี่ยวกับประโยชน์ในการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ว่า ดีใจที่นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามสดของตน แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเห็นความสำคัญของสภาผู้แทนราษฎรและความสำคัญในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะกระทู้ถามถือเป็นกลไกรัฐสภาที่สำคัญที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะได้นำความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ

นายอัครเดช ถามว่า ช่วงวันที่ 9 – 21 ตุลาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบผู้นำถึง 7 ประเทศ ในการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ได้พบกับนำระดับสูงในแต่ละประเทศ โดยไปเยือนฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน พบกับนายจอห์น ลี (ลีคาจิว) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง แหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชีย ประเทศที่สองพบกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในระดับราชวงศ์ ประเทศที่สามนายกรัฐมนตรีไปเยือนประเทศมาเลเซีย พบกับดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านชายแดนใต้ออกไปของประเทศไทยและเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญซึ่งกันและกันตลอดระยะเวลายาวนาน

สำหรับ ประเทศที่สี่คือประเทศสิงคโปร์ ได้ไปเยี่ยมคารวะนายธาร์มาน ชานมูการัตนัม ประธานาธิบดีสิงคโปร์ และยังได้หารือระดับทวิภาคีกับนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์เป็นประเทศการค้าที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะตลาดทุนและตลาดเงิน และในวันที่ 16 – 18 ตุลาคมที่ผ่านได้ไปเยือนจีน และพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกมีขนาดจีดีพีเป็นอันดับสองของโลก และเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ ในระหว่างที่เยือนประเทศจีน นายกรัฐมนตรียังได้หารือโดยรอบทวิภาคีกับนายประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งรัสเซีย ถือว่าเป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานที่มากที่สุดและสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ส่วนประเทศสุดท้ายคือประเทศซาอุดิอาระเบียนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปพบกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประเทศผู้นำอาหรับที่สำคัญ และที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไปฟื้นความสัมพันธ์ในระดับการทูตขึ้นมาใหม่ในรอบ 32 ปี

นายอัครเดช กล่าวว่า 7 ผู้นำใน 5 ประเทศที่ไปเยือนนายกรัฐมนตรีได้รับการต้อนรับ และได้รับเกียรติอย่างสูง เพราะเหล่าผู้นำมีความเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี ว่า มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน และที่สำคัญยังได้รับเลือกจากสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มตัวในการบริหารประเทศ

“นายกรัฐมนตรีประกาศเสมอว่า ขอเป็นเซลล์แมนประเทศไทยออกไปทำการค้าการขายให้กับประเทศ ซึ่งเป็นความหวังของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ผมจึงขอตั้งคำถามนายกรัฐมนตรี คำถามแรกว่า การที่นายกรัฐมนตรีออกไปเยือน 5 ประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยได้อะไรจากการเดินทางเยือนบ้าง” นายอัครเดชกล่าว

สำหรับคำถามที่สอง ต้องกล่าวถึงประโยชน์ที่นายกรัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ล้วนเป็นประเทศที่สำคัญในระดับโลกและในระดับเอเชีย เป็นมหาอำนาจของโลกที่มีจีดีพีเป็นอันดับสอง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มชาติอาเซียนที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน หลายประเทศยังเป็นประเทศที่เป็นผู้ค้าที่สำคัญของไทย เช่น อาหรับเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนที่สำคัญของโลก จึงถามต่อว่าการลงทุนจากการเจรจาของนายกรัฐมนตรีมีโครงการอะไรบ้างที่น่าสนใจและขอให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงความเจริญที่จะมีขึ้นต่อประเทศชาติที่ เพื่อประชาชนได้รับทราบและเตรียมตัวในอนาคต