“ดร.ปรเมษฐ์ จินา” สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอให้กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ลดค่าจ้างที่ปรึกษาฯ เพื่อนำเงินไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างแท้จริง ติงหน่วยงานราชการอย่าทำงานแบบฉาบฉวยหรือหิวแสง ต้องดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
เมื่อวันที่ 20 กันยายน ดร.ปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการประชุมเรื่องรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงิน และทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ว่า การพิจารณารายงานต่าง ๆ หากเป็นไปได้ อยากจะได้รายงานทั้งของปี2564 และ 2565 เพื่อดูว่า ผลการดําเนินงานดีขึ้นหรือลดลงนำไปสู่ข้อแนะนําว่าจะทําอย่างไรให้ดีขึ้น เพราะไม่ว่ากองทุนอะไรก็ตามที่จะใช้เงินต้องคำนึงว่าเป็นเงินของแผ่นดิน ที่ผ่านมาแต่ละกองทุนส่วนใหญ่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักอยู่แล้วแต่ขาดการบูรณาการ
สำหรับ กองทุนฯที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ พบว่ามีหลายหน่วยงานที่จะต้องใช้งบประมาณทำโครงการวิจัย เกี่ยวกับการดูแลผู้ประสบเหตุ จากอุบัติเหตุบนท้องถนน กลายเป็นผู้พิการ ซึ่งหน่วยงานของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หน่วยงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัด หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขเอง ก็มีการดูแลในกลุ่มนี้อยู่แล้ว จึงเสนอว่าให้ทางกรมขนส่งทางบกเป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมพิจารณาพัฒนาการเขียนโครงการ เพราะบางครั้งคนทํางานราชการด้านขนส่งมาตลอดชีวิต อาจจะมีมุมมองแบบเดียว หากมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมพิจารณากลั่นกรองโครงการ ก่อนที่จะอนุมัติจะเป็นการดี
นอกจากนี้ ขอตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายมีอยู่จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของที่ปรึกษา เช่น หน่วยงานมีรายได้ในปี 2564 จากการประมูลเลขสวย 1,219 ล้านบาท เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาเกือบครึ่งหนึ่งคือ 575 ล้านบาท รับเงินมา 1,219 ล้านบาท ไม่นับเงินเก่าที่สะสมมาจากปีอื่น ๆ อีก 364 ล้านบาท จึงเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันดูเพื่อให้การดําเนินงานกองทุนนี้เดินได้อย่างยั่งยืน ต้องให้เงินทุกบาททุกสตางค์ส่งถึงมือประชาชน
ดร.ปรเมษฐ์ อภิปรายว่า ตนมีโอกาสลงไปในเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ คนที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเป็นผู้พิการ ทั้งที่อนาคตกำลังรุ่ง เป็นกำลังสำคัญของครอบครัว แต่เมื่อประสบอุบัติเหตุต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนั่งรถเข็นอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวเห็นว่า เป็นกลไกระบบของระบบราชการของประเทศนี้ที่ทําอะไรแบบฉาบฉวย ไม่มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงอยากให้มีการดูแลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
“ได้เข้าไปเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุแต่ละเคสพบว่า ช่วงใหม่ ๆ ก็มีหลายหน่วยงานมาเยี่ยม หิวแสงบ้าง หรือต้องการผลงานบ้าง แต่หลังจากนั้นพบว่าไม่มีหน่วยงานไหนลงไปติดตามอย่างยั่งยืน บางครั้งสส.ที่ลงไปเยี่ยมต้องควักกระเป๋าเปลี่ยนรถเข็นให้ผู้ป่วย เรื่องของแพมเพิร์สสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ก็อยากจะให้กองทุนฯได้สนับสนุนด้วยเพราะเป็นประโยชน์อย่างมาก” ดร.ปรเมฐ กล่าว
สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวด้วยว่า ตนยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมในส่วนของปีงบประมาณปี 2567 ว่า จะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ เช่น การทำเครื่องหมายจราจร อยากให้ทำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท หรือพื้นที่ท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีโรงพยาบาลประจำอำเภออยู่ในบริเวณถนนหลัก อาจจะมีการสนับสนุนงบประมาณทำสัญญาณเตือนก่อนถึงโรงพยาบาล 100 – 200 เมตร แจ้งว่าวั นนี้อุบัติเหตุเพื่อให้รถทราบ ขึ้นป้ายให้ผู้ใช้ถนนบริเวณนั้นระมัดระวัง
นอกจากนี้ ในปัจจุบันพบว่ามีการใช้จีพีเอสในการนำทางมากขึ้น ในพื้นที่ชนบทควรมีป้ายสัญญาณจราจรเตือน เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพยายามที่จะเข้าไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในพื้นที่ที่เป็นซอฟพาวเวอร์จึงอยากจะให้ทำเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งอยากให้ขยายสะพานหลายพื้นที่ขยายถนนแต่สะพานแคบ บางครั้งคนที่ไปกรีดยางตอนกลางคืนขับรถไปชนหัวสะพานทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต จึงเห็นว่าควรทุ่มเทงบประมาณให้กับเรื่องของชีวิตเป็นหลัก เพราะชีวิตคนคำนวณเป็นราคาไม่ได้
ดร.ปรเมษฐ์ อภิปรายว่า การสนับสนุนโครงการหรือการวิจัย ตนอยากจะเสนอให้มีตัวแทนของพื้นที่ ตัวแทนของหน่วยงานต่างๆ เข้าไปร่วมพิจารณากลั่นกรองด้วย เพื่อจะได้โครงการที่ตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ โดยพิจารณาการลดค่าจ้างที่ปรึกษาลง นำข้อมูลจาก สส.ในพื้นที่ที่มานำเสนอไปปฏิบัติ เพราะถือเป็นข้อมูลในพื้นที่นำไปเป็นพื้นฐานทำโครงการจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง