สัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ รวมไทยสร้างชาติ ฝากกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ชนเผ่าอย่างรอบคอบ ย้ำถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีโอกาสเข้าถึงสิทธิความเป็นคนไทยเต็มตัว
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ….ว่า ตนเห็นด้วยในหลายประเด็น ร่างพ.ร.บ.ฉบับของคณะรัฐมนตรีที่เสนอให้สภาฯพิจารณา ในมาตรา 5 เรื่องการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ มีสมาชิกอภิปรายไปมาก ตนคงไม่อธิบายซ้ำ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เรื่องการจัดตั้งสมัชชากลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทยคิดว่าตอบโจทย์ ของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์
นายสัญญา กล่าวว่า ในพื้นที่ตน 3 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอบรรพตพิสัย อำเภอเก้าเลี้ยว และอำเภอชุมแสง มีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ทั้ง 3 อำเภอ มีไทดำ ลาวครั่ง ตนมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์แทบทุกงานที่มีประเพณีที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม มีโอกาสได้ต้อนรับกลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย มีโอกาสได้พูดคุยในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ มีการนำความต้องการของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มาประมวลผลเพื่อขับเคลื่อน วันนี้ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่คณะรัฐมนตรีและคณะประชาชนเสนอร่างกฎหมายเข้ามาให้พิจารณา
“ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ผมว่าเป็นกุศโลบายของบรรพบุรุษของเรา ในการแต่งเพลงชาติไทยไว้ ความหมายชัดเจนว่า ประเทศไทยมีหลายเชื้อชาติมารวมกันเป็นประเทศไทย ทุกคนที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ถือว่าเป็นคนไทย แต่ที่ผ่านมาในอดีตพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ห่างไกล อาจจะได้รับการดูแลที่ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน จะเห็นว่า พี่น้องที่อยู่ตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จะมีปัญหาเรื่อง ยาเสพติด ฝิ่น แต่ปัจจุบัน ไม่มีแล้วพวกเขาได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรต่างๆ อย่างดี”นายสัญญา กล่าว
สส.นครสวรรค์ เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า วันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่จะส่งเสริมให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ได้มีโอกาสเข้าถึงงบประมาณของรัฐได้มากขึ้น เข้าถึงสิทธิที่จะเป็นคนไทยอย่างเต็มตัว พวกเขาไม่อยากให้รู้สึกว่าเป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา ทุกคนอยากจะเป็นคนไทย เพราะภูมิใจในความเป็นคนไทย เรารักกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใด ตรงนี้เป็นเสน่ห์ที่ประเทศไทยมี แต่ประเทศอื่นไม่มี ทางคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานต่างๆ คงจะได้กลั่นกรองทุกอย่างมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน และความมั่นคงของรัฐ ตนจึงเชื่อมั่นในพ.ร.บ.ฉบับนี้
นายสัญญา กล่าวว่า ถ้าเราทำอะไรที่มากเกินไป อาจมีผลกระทบตามมาได้ ตนอาจจะมองในแง่ร้าย เพราะว่ามีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศ การที่เราไปแบ่งแยกจนเกินไปเหมือนแบ่งพรรคแบ่งพวก การมีคณะกรรมการหรือมีสมัชชาได้ ตนมองตอบโจทย์ สิ่งนี้เป็นข้อคิดในชั้นกรรมาธิการต้องพิจารณาให้ดี ทุกอย่างต้องเดินไปด้วยกันทั้งภาครัฐและภาคประชาชน