โฆษกรวมไทยสร้างชาติ ถามหาความรับผิดชอบ “ปดิพัทธ์” ออกคำวินิจฉัยต้นเหตุทำการประชุมญัตติด่วนถวายความปลอดภัยวุ่นวาย หลังวินิจฉัยให้อภิปรายเกินเจตนารมณ์ของผู้เสนอญัตติ
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับการทบทวนมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ จนนำไปสู่การตอบโต้ในสภาและออกมาสัมภาษณ์โต้กันไปมาระหว่าง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ว่า กรณีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น และต้องย้อนกลับไปดูจากสาเหตุว่าเกิดมาจากอะไร ซึ่งในการประชุมวันนั้นขณะที่มี สส.พรรคก้าวไกลท่านหนึ่งมีการอภิปรายออกนอกประเด็นของญัตติตามที่ผู้เสนอตั้งใจ โดยตนเองในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเจ้าของญัตติได้ลุกขึ้นทักท้วงแล้วว่าการอภิปรายของ สส.คนดังกล่าวอภิปรายนอกประเด็นในญัตติโดยเฉพาะการไปกล่าวถึงการปะทะกันระหว่างบุคคล 2 กลุ่ม เพราะเชื่อว่าจะทำให้การประชุมไม่ราบรื่น จะมีการประท้วงและตอบโต้กันไปมา
แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ขณะนั้นกลับได้ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่าให้สามารถอภิปรายต่อได้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลต่อเนื่อง ทั้งที่โดยหลักหลักการแล้วประธานควรต้องฟังเจ้าของญัตติที่แถลงด้วยวาจาว่ามีเจตนารมณ์อย่างไร เพราะการวินิจฉัยของประธานมีความสำคัญต่อการควบคุมการประชุมให้ราบรื่น หรือเกิดความวุ่นวาย ซึ่งวันนั้นเมื่อนายปดิพัทธ์วินิจฉัยเสร็จก็ได้สลับการทำหน้าที่ประธานให้นายพิเชษฐ์ และทำให้นายพิเชษฐ์ต้องใช้คำวินิจฉัยของนายปดิภัทธ์ที่ผิดวัตถุประสงค์ของผู้ที่ยื่นญัตติมาใช้ควบคุมการประชุมต่อ จนทำให้เกิดความวุ่นวายเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎรและบุคคลทั้ง2ท่าน
นายอัครเดช ระบุต่ออีกว่า วันนั้นหากนายปดิพัทธ์ได้ฟังคำทักท้วงของตนที่ลุกขึ้นทักท้วงในที่ประชุม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเจ้าของญัตติ ว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะให้ไปอภิปรายถึงการปะทะกันของบุคคล2กลุ่มคือ ผู้ที่ก่อกวนขบวนเสด็จกับกลุ่มที่ออกมาแสดงออกที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำ แต่ยังใช้ดุลพินิจให้อภิปรายต่อได้ จนเกิดปัญหาความไม่เรียบร้อยไปสู่สายตาประชาชน ทำให้การประชุมมีปัญหาและผิดไปจากเจตนารมณ์ของผู้เสนอ ดังนั้นกรณีนี้นายปดิพัธ์จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
“ผมจึงขอถามหาความรับผิดชอบของนายปดิพัทธ์ ในฐานะที่เป็นประธานการประชุมขณะนั้น ที่มีการวินิจฉัยทิ้งไว้จนทำให้การประชุมไม่ราบรื่น กระทบภาพลักษณ์สภา ทำให้สภาผู้แทนราษฎรเสียหายในสายตาประชาชนและยังทำให้ท่านชาดา และท่านพิเชษฐ์ต้องออกมาโต้แย้งกันจนเป็นภาพให้ทั้งสองฝ่ายโดนสังคมและสื่อโซเซี่ยลถล่ม โดยที่ทั้ง2ฝ่ายมีทั้งที่ชื่นชมและตำหนิซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น และน่าเห็นใจทั้ง2ท่านเป็นอย่างยิ่งที่ต่างมีเจตนาดีต่อกันตลอดมาแต่ต้องมาขัดแย้งกันในประเด็นที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการประชุมญัตตินี้ที่เจ้าของญัตติได้มีความห่วงใยระมัดระวังและพยายามป้องกันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาตั้งแต่ต้น“ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวทิ้งท้าย