“จุติ ไกรฤกษ์” สส.รวมไทยสร้างชาติ อภิปรายหนุนพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 เพื่อนำเงินไปพัฒนาประเทศในหลายมิติ แนะกมธ.งบประมาณเติมเงินให้กองทุนเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อให้คนไทยที่ขาดโอกาสได้เรียนหนังสือครบ 4 ล้านคน
เมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่รัฐสภา นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ร่วมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ว่า ตนได้ฟังสมาชิกอภิปรายมา 2 วัน วันนี้ตัดสินใจได้แล้วว่า ต้องให้โอกาสรัฐบาลทำงานให้ประชาชนโดยยกมือสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ที่บอกว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรวมการเฉพาะกิจ ก็บอกตามตรงว่า จริง เป็นการรวมการเฉพาะกิจให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีการบูรณาการกัน
นายจุติ กล่าวว่า ใครบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่มีผลงานไม่จริง ต้องขอชมเชยกระทรวงดีอี ที่ยังสามารถบริหารดูแลให้คนจนได้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการได้อย่างง่ายดาย การจ่ายเงินสงเคราะห์ก็เป็นไปไม่มีการรั่วไหล นอกจากนั้น ต้องขอบคุณรัฐบาล ขอบคุณนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงพลังงานที่สามารถตรึงราคาค่าไฟ ตรึงค่าก๊าซหุงต้ม และน้ำมันไว้ได้ น่าจะเป็นกระทรวงแรกที่สามารถปันผลคืนประชาชนได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,370 บาท ยังไม่นับค่าก๊าซหุงต้มที่ตรึงราคาไว้ ทำให้ข้าวแกงไม่ขึ้นราคา ค่าขนส่ง ค่าสบู่ ค่าแชมพู ไม่ขึ้นราคา
นอกจากนั้น ต้องขอบคุณกระทรวงกลาโหม ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในการลดกำลังพล วันนี้สิ่งที่เห็นคือ สามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ในสิ่งที่จำเป็นเองได้ เช่น กระสุนปืนขั้นพื้นฐาน จะเห็นได้ว่า วันนี้โลกกำลังมีปัญหา หลายประเทศกำลังทำสงครามกันอยู่ ขาดอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะต้องซื้อต้องนำเข้า แต่วันนี้ประเทศไทยได้เดินตามอดีตรมว.กลาโหม ที่วางการผลิตชุดอุปกรณ์ ลดการพึ่งพาการนำเข้า นอกจากนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม ยังให้โอกาสใหม่ๆ กับเยาวชน Start Up ผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดเล็ก ที่ไม่เคยให้โอกาส รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ก็ได้กรุณาสนับสนุนงบประมาณเพิ่มให้อีก 3 พันล้านบาท
นายจุติ กล่าวว่า ถ้าจะพูดถึงจุดแข็งของพ.ร.บ.งบประมาณ โดยไม่พูดจุดอ่อนก็ไม่ได้ ทำดีก็ต้องชม ถ้าหลงทางก็ต้องเตือน สภาฯชุดนี้ได้ชี้จุดอ่อนของงบประมาณมา 2 วันเต็ม เราได้เห็นการจัดสรรงบที่มีจุดอ่อน จึงขอมอบให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการงบประมาณไปแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้ ให้มีความเหมาะสม มีความเป็นธรรมและทั่วถึง สิ่งที่อยากจะบอกคือ วันนี้งบประมาณยังคงไว้ซึ่งหลักการว่า เราพัฒนาไปข้างหน้า คนรวยหาเงินได้ รัฐบาลใช้เงินให้เป็น เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“วันนี้ต้องขอขอบคุณที่ยังสนับสนุนบัตรประชารัฐ 15 ล้านใบ ยังสนับสนุนสวัสดิการอื่นๆ ทั้งผู้สูงอายุคนพิการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่อย่างน้อยไม่ได้ทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของการช่วยเหลือ ผมมีสถิติที่ส่งผ่านไปยังกรรมาธิการงบประมาณที่จะตั้งขึ้นมาว่า วันนี้เราพูดกันมากเรื่องการศึกษาว่า ทุกคนต้องได้เรียน การมีการศึกษาคือการแก้ปัญหาความยากจน นายกรัฐมนตรีกำหนดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน การศึกษามีเงินให้เรียนหนังสือ ลดค่าครองชีพ ค่าเดินทางค่ารถค่าไฟค่ากินจากรัฐบาลแล้ว วันนี้อยากให้ไปเติมเงินใส่กองทุนความเสมอภาคทางการศึกษาด้วย วันนี้รัฐบาลไม่ได้เติมให้ ผมเชื่อว่ารัฐบาลใช้งบไม่หมดใช้ไม่ทัน เงินที่ตัดได้อยากให้กรรมาธิการเสนอปรับเพิ่ม ให้กับกองทุนการเสมอภาคทางการศึกษาที่วันนี้ได้ช่วยให้คนได้เรียนต่อ 3 ล้านคน เติมให้อีกให้เป็น 4 ล้านคนให้ได้”นายจุติกล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ ปัญหาของครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ฝ่ายวิจัยของทุกมหาวิทยาลัย ระบุตรงกันว่า แม่เลี้ยงเดี่ยวพ่อเลี้ยงเดี่ยวคือ คนที่จนที่สุด ในจำนวนคนที่จนทุกประเภท ขาดโอกาสขาดการสนับสนุนอาชีพ เข้าไม่ถึงสวัสดิการของรัฐ กู้เงินก็ไม่ได้ วันนี้ลูกฉันลูกเธอลูกเรา มีการหย่าร้างกันมาก 10 ปีที่ผ่านมามีถึง 1.3 แสนครอบครัว คนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล
นอกจากนั้น ในเรื่องคนพิการความไม่เท่าเทียม ตนขอฟ้องประธานสาฯว่า มีคดี ต้นน้ำเป็นเรื่องของกระทรวงการยุติธรรม บริษัทหนึ่งในจังหวัดสกลนคร โดนข้อหาฉ้อโกงประชาชนถูกตัดสินมีค่าปรับต้องจ่ายชดเชย 600 ล้านกว่าบาท จำคุกอีก 2 ปี ในขณะที่ผู้บริหารที่ปั่นหุ้น และฉ้อโกงประชาชนในตลาดหลักทรัพย์เป็นหมื่นล้าน ถูกปรับเพียงแค่ 11 ล้านบาท คดีอาญายังไม่มี สภาฯชุดนี้ได้มอบให้กรรมาธิการวิสามัญฟอกเงินและคลังติดตามเรื่องนี้อยู่ ก็ต้องฟ้องประธานสภาฯว่าสภาฯต้องศักดิ์สิทธิ์ ขอข้อมูลแล้วต้องได้ แต่วันนี้ 5 เดือนแล้วข้อมูลที่ขอไปยังไม่ได้
ดังนั้น ตนนอยากเรียนว่า อยากให้โอกาสรัฐบาลนี้ทำงาน และอยากให้กรรมาธิการงบประมาณเปิดใจกว้างทำเพื่อประเทศไทย ทำเพื่อประชาชน ทำให้เป้าหมายอยู่ดีมีสุขเกิดขึ้นได้ในแผ่นดินไทย