พีระพันธุ์ ลงพื้นที่อุดรธานี เยี่ยมชมสถานีไฟฟ้า พร้อมสั่งการเร่งปัญหาหลังชาวบ้านร้องเรียนโรงไฟฟ้าชีวภาพสร้างมลภาวะ
พีระพันธุ์ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูงอุดรธานี 3 ของ กฟผ. ซึ่งเป็นสถานีรับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า IPP พลังน้ำจากสปป.ลาว ที่เป็นพลังงานสะอาด ช่วยลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาผันผวน พร้อมสั่งเร่งแก้ปัญหาโรงไฟฟ้าชีวภาพ หลังชาวบ้านร้องเรียนสร้างมลภาวะในพื้นที่
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน เดินทางไปยัง บ้านหนองแก ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูงอุดรธานี 3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นโครงการระบบส่งที่รับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า IPP พลังน้ำจากเขื่อนน้ำงึม 2 เขื่อนน้ำเงี้ยบ 1 และเขื่อนน้ำเทิน 1 จาก สปป.ลาว มีกำลังการผลิตรวม 1,516 เมกะวัตต์ สร้างเสร็จเมื่อปี 2559 ด้วยมูลค่าก่อสร้าง 859 ล้านบาท นำเข้าไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานสะอาดและสามารถลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาผันผวนในระดับสูงอยู่ในปัจจุบันได้ โดย จ.อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีการใช้ปริมาณไฟฟ้าสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จากนั้นนายพีระพันธุ์และคณะเดินทางไปยังของบริษัท เรืองสิริวรรณ จำกัด ที่ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าสร้างมลภาวะทางกลิ่นและฝุ่นสร้างความเดือดร้อนให้ในพื้นที่ เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 0.90 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวรายงานว่าหลังได้รับการร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เขต 4 ร่วมกับสำนักงานพลังงานจังหวัดอุดรธานี สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 9 (อุดรธานี) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ได้เข้าร่วมตรวจสอบการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าและได้สั่งให้มีการแก้ไขปรับปรุงให้ได้มาตรฐานและไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนรอบโรงไฟฟ้าแล้ว
นายพีระพันธ์ กล่าวว่า จากการเยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูง 3 จ.อุดรธานีวันนี้เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีในการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาในปัจจุบัน เพราะต้นทุนไฟฟ้าพลังงานจาก สปป.ลาว มีราคาค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับราคาก๊าซธรรมชาตินำเข้าในปัจจุบันที่มีราคาผันผวนในระดับที่สูง โดยกระทรวงพลังงานพยายามบริหารจัดการทั้งโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้าและโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติให้เกิดความเป็นธรรมไปพร้อมกับการจัดหาแหล่งพลังงานที่มีต้นทุนต่ำ สร้างความมั่นคงเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสม และยั่งยืน ทั้งนี้ยังได้แสดงความห่วงใยถึงภาระหนี้ที่ กฟผ. แบกรับอยู่ ณ ปัจจุบัน พร้อมจะช่วยแก้ปัญหา รวมทั้งขอให้ กฟผ. ชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนรับทราบถึงความจำเป็นในการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและมีต้นทุนที่ต่ำ
“ส่วนการลงพื้นที่ไปตรวจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพของ บริษัท เรืองสิริวรรณ จำกัด นั้นเนื่องจากได้รับรายงานว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวสร้างมลภาวะทางกลิ่นและฝุ่น ส่งผลกระทบกับประชาชนรอบโรงไฟฟ้า ซึ่งจากการรับฟังผู้ประกอบการได้รายงานแนวทางการแก้ไขปัญหาแจ้งว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขได้โดยเร็ว แต่ได้กำชับทั้งผู้ประกอบการ และส่วนราชการในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่นี้ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ อย่างยั่งยืนด้วย เพราะแม้ว่าโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจะเป็นโครงการที่ดี สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ป้อนให้โรงไฟฟ้า และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ แต่โรงไฟฟ้าก็ต้องมีมาตรฐาน ไม่สร้างมลภาวะให้กับประชาชนรอบโรงไฟฟ้าด้วย” นายพีระพันธุ์ กล่าว
#พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค
#รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงาน
#เยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูง
#สู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่อง
#รวมไทยสร้างชาติ