Skip to content
Home » ‘รมช.อนุชา’ มอบรถเข็นและรถสามล้อโยก แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ จ.ชัยนาท

‘รมช.อนุชา’ มอบรถเข็นและรถสามล้อโยก แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ จ.ชัยนาท

‘รมช.อนุชา’ มอบรถเข็นและรถสามล้อโยก แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ จ.ชัยนาท

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “พิธีส่งมอบรถเข็นแบบนั่งและรถสามล้อโยก” โครงการจัดหารถเข็นแบบนั่งและรถสามล้อโยกสําหรับผู้สูงอายุและคนพิการ จัดโดย สํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อเข้าถึงสิทธิสวัสดิการในจังหวัดชัยนาท โดยมี นายชไมพร อําไพจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดชัยนาท เข้าร่วม ณ หอประชุมศรีโพธิ์สุข โรงเรียนศึกษาพิเศษชัยนาท จังหวัดชัยนาท

นายอนุชา กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดชัยนาท มีปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ําด้านผู้พิการ และผู้สูงอายุที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งกิจกรรมนี้จะส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มคนพิการทางการเคลื่อนไหว และผู้สูงอายุ ให้ได้รับความเท่าเทียมและเข้าถึงสิทธิสวัสดิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีปกติสุข ทั้งนี้ ในปี 2565 ตนในฐานะที่เคยดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และเป็นคณะกรรมการของสํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งได้ผลักดันและสนับสนุนให้จังหวัดชัยนาทเสนอโครงการจัดหารถเข็นแบบนั่งและรถสามล้อโยกสําหรับผู้สูงอายุและคนพิการ เพื่อให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการในจังหวัดชัยนาท จนได้รับการสนับสนุนจากสํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และดําเนินโครงการจนสําเร็จลุล่วงด้วยดี และขอขอบคุณหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกหน่วย ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว

จากข้อมูลรายงานว่า ปัจจุบันจังหวัดชัยนาทได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยมีผู้สูงอายุจํานวน 79,831 คน (ร้อยละ 25.08) และคนพิการจํานวน 14,470 คน (ร้อยละ 4.55) และมีผู้ที่มีความจําเป็นต้องใช้รถเข็นสําหรับผู้สูงอายุและคนพิการหรือรถวีลแชร์ เพื่อการดํารงชีวิตประจําวันเป็นจํานวนมาก ดังนั้น สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท จึงได้จัดทําและขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว เพื่อเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ จํานวน 262 คัน ซึ่งการจัดกิจกรรมฯ ในวันนี้ นับว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม ที่มีประโยชน์และสอดคล้องกับสถานการณ์ความต้องการในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และคนพิการให้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีปกติสุข