Skip to content
Home » รมว.พลังงาน ลั่นพร้อมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายโครงสร้างพลังงานที่ล้าหลัง

รมว.พลังงาน ลั่นพร้อมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายโครงสร้างพลังงานที่ล้าหลัง

รมว.พลังงาน รับข้อเสนอสภาผู้บริโภคและเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ลั่นพร้อมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายโครงสร้างพลังงานที่ล้าหลัง และเตรียมลดราคาเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ตั้งเป้าหมาย 2.50 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 17ต.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังสภาผู้บริโภคและเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมเข้าพบว่า ได้รับข้อมูลซึ่งกันและกัน และตรงกับข้อมูลของตนเองที่มีอยู่ ตนจึงแจ้งว่า ได้ดำเนินการเรื่องใดไปแล้วบ้าง

ทั้งนี้ ขออย่าพูดว่าเป็นการยกเลิกค่าการกลั่นหน้าโรงงาน แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีอยู่ว่า โครงสร้างเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องและเหมาะสมก็ไม่ควรปรับเปลี่ยน จึงต้องดูในภาพรวมไม่ใช่ดูแค่ค่าการกลั่น ค่าการตลาด ซึ่งต้องดูในภาพรวมทั้งหมด เพราะต้องประกอบด้วยหลายส่วน ดังนั้นต้องดูทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน

นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่า ยังไม่ได้ยกเลิกการคิดราคาค่าการกลั่น เพราะต้องไปศึกษาต่อว่า สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ตนพูดเสมอว่า เรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ เป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการดำรงชีวิตของบุคคล แต่ก็ไม่สามารถห้ามนักลงทุน หรือผู้ประกอบการมาค้าขายได้ ตนมีหน้าที่ทำเรื่องนี้ให้เหมาะสม ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบการได้กำไรมหาศาลแล้วชาวบ้านอยู่ไม่ได้ โดยที่ชาวบ้านต้องชำระค่าใช้จ่ายพลังงานในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

“ปัญหานี้หมักหมมมานาน โดยเฉพาะโครงสร้าง กติกา กฎหมาย ที่ใช้มาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30 ปี ดังนั้นวันนี้ถึงเวลาต้องศึกษา ปรับปรุง แก้ไข ผมตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อแก้ไขกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายพลังงานทั้งหมด” รมว.พลังงานกล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการคุยกับโรงกลั่นแล้ว และขอข้อมูลมาโดยตลอด ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เพราะขณะนี้กฎหมายยังเข้าไม่ถึง เรื่องนี้เป็นเหตุผลหนึ่งต้องแก้ไขกฎหมาย แม้จะเป็นการค้าเสรี แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎและกติกา และรัฐสามารถควบคุมได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ดังนั้น ต้องแก้กฎหมาย เพื่อให้เกิดการกำกับ ควบคุม ดูแลให้เกิดความเหมาะสม โดยการแก้ไขกฎหมาย จะไม่ล่าช้า แต่ต้องได้คำตอบว่า ต้องแก้จุดไหน เพราะคนร่างกฎหมายคือตน และจะร่างเองทุกฉบับ และอาจไม่เสร็จสิ้นทันช่วงปีใหม่นี้ เพราะกฎหมายมีหลายฉบับ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อรวบรวมและแก้ไขปัญหาทั้งหมด

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงการลดราคาน้ำมันเบนซินว่า ไม่ได้ลดทุกตัว แต่จะลดในส่วนน้ำมันเบนซินแก๊สโซออล์ 91 ที่จะลดราคาให้ได้ 2.50 บาท และจะให้เสร็จก่อนปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน แต่ต้องคำนึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าการตลาด เป็นต้น

สำหรับข้อร้องเรียนของสภาผู้บริโภคและเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม นำโดย นางสาวรสนา โตสิสกุล ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ที่มายื่นข้อเสนอให้รมว.พลังงานเพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันสำเร็จรูปและราคาก๊าซหุงต้ม คือ
1.ให้ยกเลิกการคิดราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันของประเทศไทยด้วยการอิงราคาตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของตลาดสิงคโปร์ บวกค่าพรีเมียม อาทิ ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ค่าขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากสิงคโปร์มายังไทย ค่าใช้จ่ายคลังและลำเลียง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างการขนส่ง ค่าใช้จ่ายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงและอื่น ๆ โดยให้อ้างอิงเฉพาะราคาน้ำมันสำเร็จรูปของตลาดสิงคโปร์เท่านั้น ทั้งนี้ ให้คิดค่าเฉลี่ยย้อนหลังใน 1 สัปดาห์ที่เปิดทำการเพื่อกำหนดให้แจ้งประกาศปรับราคาเพียง 1 ครั้งในรอบสัปดาห์ และในกลั่นสูงผิดปกติ ให้รัฐดำเนินการจัดเก็บภาษีลาภลอย (Windfall Tax) เหมือนที่หลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งรัฐต้องควบคุมเพดานสูงสุดค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

2. ให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอให้กระทรวงการคลังออกประกาศลดฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจาก 3.67 บาทต่อลิตร เหลือไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร และลดฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จาก 5.85 บาทต่อลิตร ให้เหลือไม่เกิน 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อให้ส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันดีเซลต่างกันไม่เกิน 5 บาทต่อลิตร

3. ให้กระทรวงพลังงงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณากำกับให้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อชดเชยในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นทั้งเบนชินและดีเซลตามที่ พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 บัญญัติไว้ ไม่ควรนำเงินสะสมในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ใช้เบนชินไปชดเชยให้เฉพาะผู้ใช้น้ำมันดีเซลฝ่ายเดียว หรือมีการซดเชยข้ามผลิตภัณฑ์ โดยให้แยกบัญชีกองทุนน้ำมันออกเป็นสองบัญชี คือ บัญชีน้ำมันกลุ่มเบนชิน และบัญชีกลุ่มดีเซล เพื่อให้การบริหารกองทุนน้ำมันเกิดความเป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันในแต่ละกลุ่ม

4. ให้ควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนชินและดีเซล ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 3 – 5 บาทต่อลิตร ให้เหลือตามมติ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 คือมีค่าการตลาดเฉลี่ยที่ 1.85 บาทต่อลิตร โดยแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ไม่เกิน 1.85 บาทต่อลิตรและดีเซลไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ให้ความเห็นชอบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติดำเนินการตามมาตรา 25(1) ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการควบคุมและกำกับราคาสินค้า พ.ศ. 2542

5. ขอให้ทบทวนการกำหนดราคาก๊ซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับภาคครัวเรือนหรือก๊าซหุงต้มใหม่ โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้ยกเลิกมติ กพช. ครั้งที่ 122 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดก๊าซ LPG จากโรงแยกก๊าชธรรมชาติให้ภาคครัวเรือนและปิโตรเคมีใช้ก่อน และให้ยกเลิกการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG เต็มรูปแบบ