Skip to content
Home » “ศาสตรา ศรีปาน” เสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายสถานบันเทิง

“ศาสตรา ศรีปาน” เสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายสถานบันเทิง

ศาสตรา ศรีปาน” สส.จ.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอญัตติฯ ในสภาฯ ตั้ง กรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขกฎหมายสถานบันเทิงให้ทันยุคสมัย หนุนคนทำธุรกิจกลางคืนในหลายเมืองท่องเที่ยวใหญ่ให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ

เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายศาสตรา ศรีปาน สส.จ.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขสถานบันเทิง โดยกล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานบันเทิงเป็นธุรกิจสร้างงาน สร้างรายได้ นำเงินเข้าประเทศทั่วทุกภาคของประเทศไทย และยังเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ก่อนหน้าที่มีการจัดโซนนิ่ง เพื่อเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัยปลอดภัย แต่เป็นเวลานานมาแล้ว

จนถึงปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้ ยังคงอยู่และพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่พบว่ากฎหมายในปัจจุบันมีความล้าสมัย ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงดูเรื่องการเปิด-ปิด การขอนุญาต ที่กฎหมายเดิมทำให้เกิดการจ่ายส่วย จนมีสถานบริการบางแห่งที่เปิดในชุมชน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในชุมชนในเรื่องของเสียงรบกวน และอื่นๆ

นายศาสตรา กล่าวต่อว่า หากพิจารณาเรื่องสถานบันเทิงในประเทศไทย คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงธุรกิจสีเทา อบายมุข หรือเซ็กส์เวิร์กเกอร์ โดยพบว่า เบื้องหลังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาคกลางคืน ยังมีกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพสุจริตหลายอาชีพ อาทิ แม่ครัว นักดนตรี เด็กเสิร์ฟ คนรับรถ หรือผู้ดูแลความปลอดภัย ซึ่งคนเหล่านี้เขานำเงินไปใช้ในการดำรงชีวิต เลี้ยงดูตัวเอง ส่งลูกเรียนหนังสือจนจบ

นอกจากนี้ หากมองให้เป็นภาพใหญ่ขึ้นอีก ธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย ถือว่ามีชื่อเสียงระดับโลก โดยชาวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศไทย นอกจากจะมาท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว นักท่องเที่ยวยังต้องการเที่ยวสถานบันเทิงอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ และเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างดีให้กับประเทศไทยด้วย

นายศาสตรา กล่าวด้วยว่า ตนได้ไปสอบถามเพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับคำตอบว่าสักครั้งหนึ่งก็อยากจะขอมาเที่ยวพัฒน์พงศ์ที่ประเทศไทย เหมือนกับการที่เราได้ไปลาสเวกัส ก็อยากจะไปดูแสงสีเสียงสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไปเที่ยวผับ หรืออาจจะไปเทศกาลดนตรีที่โคเชลล่า ซึ่งสร้างรายได้หลายหมื่นล้านในทุกๆ ปี หรือจะเป็นที่ฟูจิ ร๊อคเฟสติวัล ที่นาเอเบะ ไม่เพียงแค่ไปดูภูเขาไฟฟูจิแล้วกลับบ้าน แต่ได้ไปดูเทศกาลดนตรี ซึ่งทำให้เกิดการกระจายรายได้

หรือไปทูมอโรว์แลนด์ ที่เบลเยี่ยม เพื่อไปดูเทศกาลอีดีเอ็ม ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมไปถึงที่แกลสตันบูรี เทศกาลที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1970 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายศาสตรา บอกว่า สำหรับประเทศไทย เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็จะนึกถึงฟูลมูน ปาร์ตี้ ที่เกาะพะงัน ที่ป่าตองก็มีไนท์คลับ เรามีฟูลมูนปาร์ตี้ ที่พะงัน เรามีวอล์คกิ้งสตรีท พัทยา เหมือนคนจีนที่มาเลเซียอยากมาหาดใหญ่ที่บ้านตน เพราะว่ามาเที่ยวที่นี่ถูกกว่า และสนุกกว่า ถ้าเที่ยวที่บ้านเขาสู้เราไม่ได้ ของเราครบวงจรกว่ามาก

ดังนั้น ถ้าเรามีการส่งเสริมเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวกลางคืน จะเป็นซอฟพาวเวอร์ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อมาดูกฎหมายของไทย ตาม พรบ.สถานบริการปี 2509 เมื่ออ่านแล้วล้าหลังมาก เพราะไม่ได้รับการแก้ไขมานานแล้ว ไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้สอดรับทันยุคทันสมัย กับรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ๆ รูปแบบสถานบันเทิงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

เช่นเดียวกับ พรบ.สถานบริการ มาตรา 3 การแบ่งประเภทของสถานบันเทิง ก็มีความล้าหลังมากเช่นกัน เพราะวันนี้สถานบันเทิงมีรูปแบบใหม่จำนวนมาก

นายศาสตรา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องโซนนิ่ง ถ้าตนจำไม่ผิดเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แต่วันนี้เมืองได้ขยายออกไป มีผู้ประกอบการรายเล็ก รายน้อย ที่อยากจะทำธุรกิจนี้บ้าง แต่เมื่อกลุ่มนี้อยากทำก็พบว่าโซนนิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันเต็มแล้ว จึงทำให้ต้องมาแอบเปิดในชุมชนที่ห้ามเปิด มีเสียงรบกวนชาวบ้าน ทำให้เกิดการร้องเรียนตลอด จนต้องไปขอนายบ้าง ไปขอเจ้าหน้าที่บ้าง ทำให้เกิดการให้ส่วยกัน แทนที่จะทำให้ถูกต้องเพื่อส่งเสริมธุรกิจ โดยการแก้ที่ต้นเหตุก็คือเรื่องกฎหมายที่เป็นต้นตอ

นายศาสตรา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนเห็นจากข่าวว่านายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ป่าตอง ลุ้นขยายเวลาปิดตี 4 ชาวบ้านดีใจในการลงพื้นที่ของนายกฯ แต่ถามว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

ดังนั้นการตั้งกรรมาธิการฯ เป็นเรื่องสำคัญเพื่อศึกษา บางทีอาจจะต้องไปดูประเทศที่ขยายเวลาปิดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ประเทศอิตาลี ที่ตอนนี้ทำแล้ว ออสเตรเลียก็มีแล้วเช่นกัน หรือหากตั้งคณะกรรมาธิการฯ เสร็จแล้ว อาจจำเป็นต้องไปดูเรื่องโทษเมาแล้วขับ ที่เข้มข้น และใช้บังคับได้จริง เข้ากับบริบท และรูปแบบการท่องเที่ยวกลางคืนใหม่ๆ ว่า ควรจะทำอย่างไร

“ วันนี้ผมอยากจะบอกว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับผู้ที่ทำงานภาคกลางคืน ยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่งคือ สถานบันเทิงทำรายได้ขนาดนี้ แต่เวลาไปกู้เงิน หรือว่าเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ กับไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะเป็นงานที่เป็นธุรกิจสีเทาบ้าง เป็นไม้หลักปักขี้เลนบ้าง เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงบ้าง จึงน่าเห็นใจว่า วันนี้คนที่ทำธุรกิจประเภทนี้ ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวกับอาชีพที่สังคมบอกว่าไม่มั่นคง ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ต้องแอบ แต่จริงๆ แล้วน่าเห็นใจ เพราะว่ากฎหมายมันล้าหลัง” นายศาสตรา กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเพื่อแก้กฎหมายต่อไปจะเป็นประโยชน์ วันนี้ถึงเวลาที่ธุรกิจกลางคืน จะขึ้นมาจากมุมมืด มาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ มาเป็นกำลังสำคัญให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย และคนไทยทุกคนจะได้มีงานทำ ซึ่งวันนี้จะมีเมืองต่างๆ เช่น หาดใหญ่ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหมากรุงเทพมหานคร อาจจะไปดูและศึกษากฎหมาย เช่น สหรัฐอเมริกา ก็มีบางเมืองที่สมารารถขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงได้และส่งเสริมให้จริงจัง ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ” นายศาสตรากล่าว