“ดร.ปรเมษฐ์ จินา” สส.สุราษฏร์ธานี รทสช. เสนอ กรมโยธาธิการและผังเมือง นำงบประมาณจากกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ไปพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าหรือให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ประโยชน์ถึงประชาชนอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ดร.ปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการประชุมเรื่องการรับทราบรายงานกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ว่าตนขอชื่นชมกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด เนื่องจากงบประมาณที่ได้มาแต่ละปีจากรัฐบาลมีเพียงแค่ 40 ล้านบาทต่อปีเมื่อดูข้อมูลจากเอกสารประกอบก็พบว่าได้แค่สัญญาเดียวเท่านั้น เช่นที่ ร่มโพธิ์ของ อ.เมือง จ.ตรัง 39 ล้าน 9 แสนกว่าบาท ถ้าเป็นโครงการเดียวก็ไม่สามารถต่อยอดไปโครงการอื่น
ดร.ปรเมษฐ์ กล่าวต่อว่าสิ่งที่อาจจะนำมาพิจารณาต่อคือเงินเหลือจ่ายสะสมมาจากปีก่อน ทั้งสินทรัพย์ 265 ล้านบาท หรือว่าสินทรัพย์หมุนเวียน 57 ล้านบาท คงจะมีการต่อยอดในเรื่องที่ตนจะเสนอในโอกาสต่อไป เป็นต้นว่า ในส่วนของการดำเนินงาน เป็นไปได้หรือไม่ว่าแต่ละโครงการมีวัตถุประสงค์ในเรื่องของการกู้ยืม การอุดหนุน แม้จะมีดอกเบี้ยแต่ขอให้น้อย จากการดูข้อมูลในส่วนของการอุดหนุนอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่ง 200 กว่าล้านเพื่ออุดหนุนองค์กรต่างๆ รวมทั้งหน่วยราชการ จะเป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะให้ปรับแนวทางในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2567 คือเรื่องของการค้นคว้าวิจัย เรื่องการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการทำโรลโมเดลนะครับ หรือว่าทำใช้ไพลอตโปรเจกต์เพราะมองว่าคนไทยชอบแข่งขันชอบการประกวดและการแข่งขัน เพราะฉะนั้นอาจจะทำโครงการให้เข้าประกวดในพื้นที่นำร่องในที่ดินในสังกัดของแต่ละหน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรฯ อาจใช้พื้นที่ สปก. ประกวด โดยให้คอนเซ็ปต์ว่าการออกแบบว่าในพื้นที่ควรมีอะไรบ้าง ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งเรื่องของการใช้งบประมาณ และ รูปแบบการใช้ที่ดิน จากนั้นจึงเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หากเป็นถนน ก็ให้กระทรวงคมนาคมลงไป ถ้าเป็นโครงการด้านไฟฟ้า หน่วยงานด้านไฟฟ้าจะเป็นผู้ลงไปดู หรือหากเป็นแหล่งน้ำ ขอให้ชลประทานลงไปติดตาม
การออกแบบดังกล่าวสามารถทำได้ในที่ราชพัสดุ หรือพื้นที่สงวนถ่านหิน หรือพื้นที่สงวนต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพื้นที่อยู่ อาจจะพบว่ามีการออกแบบเป็นสถานพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือพื้นที่เกษตรสำหรับคนที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยแข่งขันโดยมีหน่วยงานคอยสนับสนุนงบประมาณ เพราะเห็นว่ามีพื้นที่อื่นๆอีกมากมาย ทั้งโรงเรียนขนาดเล็กที่ยกเลิกกิจการ พื้นที่ทำเลสวยงาม พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่ป่าพรุในพื้นที่ป่าชุ่มน้ำ ซึ่งการดำเนินการในรูปแบบนี้ก็จะทำให้ได้ประโยชน์มากขึ้น โดยเรียนรู้จากตัวอย่างที่พบเห็นในหลายๆประเทศ และควรมีการทำรูปแบบนี้เหมือนกับรีสอร์ทผู้สูงอายุ ดูแลผู้พิการ จึงอยากจะฝากกรมโยธาธิการและผังเมืองและช่วยกันปรับเปลี่ยนวิธีการ เพื่อใช้งบประมาณตรงนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด