“อนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นตัวแทนรัฐบาลรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี 2565 ย้ำการดำเนินการของรัฐบาลบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า จากรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศราย 3 เดือน ระหว่างเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2565 ครั้งที่ 18 ฉบับนี้เป็นการรายงานความคืบหน้ารอบสุดท้ายของการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศที่ได้สิ้นสุดลง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
ทั้งนี้ มีสาระสำคัญแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 สรุปผลการดำเนินการของแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง 13 ด้าน ที่ทำให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 2 สรุปผลการดำเนินการจัดทำ ปรับปรุง กฎหมายการปฏิรูปประเทศของกฎหมาย 45 ฉบับ ที่กำหนดให้จัดทำ ปรับปรุงไว้ใน แผนการปฏิรูปประเทศ ส่วนที่ 3 การดำเนินการปฏิรูปประเทศในระยะต่อไป ภายหลังจากที่แผนการปฏิรูปประเทศได้สิ้นสุดลง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญเกิดผลได้อย่างยั่งยืน
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินการของแผนการปฏิรูปประเทศ โดยมีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นไปตามเป้าหมายที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญ ขอยกตัวอย่างผลสัมฤทธิ์ ดังนี้ ข้อ ก.ด้านการเมืองมีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ประชาชน มีความ รู้ความ เข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีผลสัมฤทธิ์ที่เป็น รูปธรรม เช่น การจัดทำ ชุดความรู้ การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใน รูปแบบของหนังสือ จัดทำเป็นหลักสูตรและมีการออกแบบ สื่อการเรียนการสอนสำหรับเยาวชน และประชาชนทั่วไปผ่านการดำเนินงานตามกิจกรรม
ข้อ ข.ด้านการบริหารราชการแผ่นดินมีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นำเทคโนโลยี ที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินและการจัดทำบริการสาธารธณะได้มีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เช่น การบังคับใช้พระราชบัญญัติ การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565เพื่อให้ภาครัฐปรับตัวให้บริการให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานบริการภาครัฐ มี อีเซอร์วิส อย่างน้อย 343 บริการ ที่มีแพลตฟอร์มกลาง สำหรับประชาชน มีแอปพลิเคชันของรัฐ
ข้อ ค. ด้านกฎหมายมีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีกลไก ให้ดำเนินการปรับปรุง กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่บังคับใช่ก่อนวันประกาศใช้ รัฐธรรมนูญนี้ให้สอดคล้องกับหลักการตามาตรา 17 และพัฒนาให้สอดคล้องกับหลักสากล ได้มีผลสัมฤทธ์เป็นรูปธรรมจากการบังคับ หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมาย และการประเมินผลสัมฤทธ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 เพื่อให้การตรากฎหมายเป็นไปโดยละเอียด รอบคอบ ไม่สร้างภาระแก่ประชาชนมากเกินความจำเป็น พัฒนากฎหมายให้ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
นายอนุชา กล่าวว่า ข้อ ง.กระบวนการยุติธรรม มีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีการกำหนด ระยะเวลา การดำเนินการในทุกขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมอย่างไม่ล่าช้า มีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมจากการบังคับใช้บัญญัติ ระยะเวลาในการดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 ในการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานทุกขั้นตอนของกระบวนการทางยุติธรรม ที่ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ชักช้า
ข้อ จ.ด้านการศึกษามีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีการตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษา ได้มีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมจากการ บังคับใช้ พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ 2561
นายอนุชา กล่าวถึงผลสัมฤทธิ์ด้านเศรษฐกิจ มีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีการขจัด อุปสรรค และ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อให้ประเทศชาติ และประชาชน ได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วม กับเศรษฐกิจต่างๆ ได้ มีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมจากการพัฒนาระบบให้มีการเอสเอ็มเอสแอคเซสเชื่อมโยง และบูรณาการข้อมูล และ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ
ข้อ ช.ด้านอื่นๆ เช่น ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายรัฐธรรมนูญ ที่กำหนด ให้มี ระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่มีประสิทธิภาพเป็นธรรม และ ยั่งยืน ได้มีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม จากการให้มีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นกลไกภาครัฐที่สำคัญในการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบบูรณาการโดยคำนึงถึงความต้องการ การใช้น้ำในทุกมิติ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และ สภาพภูมิอากาศ
นายอนุชา กล่าวว่า ด้านสังคมมีการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนด ให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ได้มีผลสัมฤทธ์อย่างเป็นรูปธรรม จากการที่รัฐ ได้จัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนแล้ว 1,142 พื้นที่ ใน 70 จังหวัด รวม เนื้อที่ 5,757,682 ไร่ ครอบคลุมประชากรจำนวน 69,368 ราย โดยการทำงานร่วมกันของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติที่เป็นหน่วยงานหลักรวมทั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน ธนาคารที่ดิน และ หน่วยงาน ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้านการสาธารณสุข นายอนุชา กล่าวว่า มีการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ปรับระบบหลักประกัน สุขภาพ ให้ประชาชน ได้รับสิทธิ และประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ และสะดวกทัดเทียมได้มีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมจากการยกระดับ ประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ให้กับประชาชนได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ 47,650,952 คน หรือ คิดเป็น ร้อยละ 99.61 ของประชากรทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านอื่นๆ นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญ ได้แก่ ด้านการสื่อสารมวลชน และ เทคโนโลยี โดยมีศูนย์ประสานงาน และ แก้ไขปัญหาข่าวกรอง ด้านพลังงานมีการจัดตั้งศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ ด้านการป้องกันและปราบปราม การประพฤติมิชอบ มีศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ และ ระบบรับแจ้งเบาะแส ทางเว็บไซต์เพื่อให้ ประชาชน สามารถ เข้าถึงได้โดยง่าย และ ติดตามผลได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับ ด้านวัฒนธรรม กีฬาแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ได้ผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมโดยมีการพัฒนาศักยภาพเป็น พื้นที่ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ และ วัฒนธรรม เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ ชุมชน รวมถึงพัฒนาชุมชนต้นแบบ เที่ยวชุมชน ยลวิถี เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ด้านการท่องเที่ยว
นายอนุชา กล่าวถึงส่วนที่ 2 สรุปผลการดำเนินการจัดทำ ปรับปรุงการปฏิรูปประเทศที่มีกฎหมายภายใต้แผนปฏิรูปประเทศฉบับปรับปรุง จำนวน 45 ฉบับ โดยมีสถานะการดำเนินการ ณ ธันวาคม 2565 เป็นกฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 10 ฉบับ ซึ่งเพิ่มเติมจากรอบก่อนหน้านี้ 1 ฉบับ คือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้รับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2565
นายอนุชา กล่าวถึงส่วนที่ 3 ว่า การปฏิรูปประเทศในระยะต่อไปตามที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 กันยายน ได้มีมติรับทราบ ผลการประชุมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในการประชุมที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่ได้เห็นชอบ และ ดำเนินการภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาของแผนการปฏิรูปประเทศในวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งมีการ ดำเนินการให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ โดยให้หน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญในการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินการที่มี ของ หน่วยงาน ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ชาติ และ พัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และ นำนโยบาย และแผนว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนระดับที่ 3 รวมทั้งกลไกต่างๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูปประเทศได้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป