Skip to content
Home » “อนุชา บูรพชัยศรี” สส.รวมไทยสร้างชาติอภิปรายหนุนการทำงานของ กอช.

“อนุชา บูรพชัยศรี” สส.รวมไทยสร้างชาติอภิปรายหนุนการทำงานของ กอช.

“อนุชา บูรพชัยศรี” สส.รวมไทยสร้างชาติอภิปรายหนุนการทำงานของ กอช.เป็นหน่วยงานที่ทำให้คนไทยมีเงินออมยามเกษียณ แนะให้ทำงานเชิงรุกหาวิธีจูงใจให้คนมาสมัครเป็นสมาชิกให้มากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ 19 ล้านคน
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายในสภาระหว่างการพิจารณารายงานของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับทราบถึงแนวคิดการที่รัฐบาลตั้งแต่สมัยปี 2553 อยากให้ประชาชนมีเรื่องการออมในวัยเกษียณ เป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ไม่มีอาชีพคล้ายๆ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ไม่มีอะไรเป็นสวัสดิการในเรื่องการออมเลย ตนทราบเรื่องนี้ดีเพราะมีโอกาสได้ทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออมแห่งชาติ ทราบดีว่ากว่าที่จะถึงวันนี้ได้มีอุปสรรคมากมาย
.
นายอนุชา อภิปรายว่า พ.ร.บฉบับนี้ประกาศในราชกิจจาอุเบกษามีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2554 แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองหลายๆส่วนกองทุนการออมแห่งชาติต้องเข้าไปแฝงอยู่ในส่วนของสำนักงานประกันสังคมหลายปี แล้วก็คลอดออกมา อีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เห็นความสำคัญของการออมในครั้งนี้ เลยเป็นที่มาที่ไปว่ากองทุนการออมแห่งชาติได้กลับคืนที่อีกครั้งในปี 2558 รวมถึงวันนี้เป็นระยะเวลาเกือบ 8 ปีแล้วที่ได้ดำเนินการมา
.
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมาอาจไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ ช่วงต้นปี 2566 ได้ปรับปรุงในเรื่องร่างกฎกระทรวงเพื่อให้สมทบมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุจะมีเงินสมทบให้เต็มที่ทุกช่วงอายุพร้อมๆกันในวงเงินไม่เกิน 1,800 บาทและ 30,000 บาท ที่สามารถออมในระบบได้ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นแรงจูงใจให้เกิดการออมมากขึ้น
.
สำหรับ สมาชิกของกองทุนฯในปี 2565-2566 ตนทราบว่ามีสมาชิกเฉียด 2.6 ล้านคน แต่ถ้าถามตนว่า เมื่อกลับไปปี 2553 ที่คลอดพ.ร.บฉบับนี้ ตนอยากจะเห็นสมาชิกมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน จากตัวเลขที่มองตอนนี้มีแรงงานนอกระบบถึง 19 ล้านคนทำอย่างไรถึงจะนำตัวเลขตรงนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกกองทุนฯได้ เป็นสิ่งที่ท้าทายผู้บริหารกองทุนฯ ดังนั้นแนวทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้กฎกระทรวงก็เป็นส่วนหนึ่ง ตนอยากให้กองทุนฯได้พิจารณาเพิ่มเติมไม่ใช่หยุดอยู่แค่นี้ ให้ทงานในเชิงรุกไปสำรวจไปหาความเห็นเพิ่มเติมว่าทำอย่างไรให้กองทุนนี้มีเสน่ห์มากขึ้น
.
“ต้องไปชักจูงให้คนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก อย่าเพียงแค่รอให้เขาเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกเอง เราต้องไปจูงใจให้เขาเข้ามามากขึ้นดังนั้นยุทธศาสตร์การผลักดันสร้างสมาชิกการออมอยากให้ทำในเชิงรุกมากขึ้น ในรายงานปี 2565 ระบว่ามีการสร้างภาคีเครือข่ายลงไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ ลงไปหาเด็กนักเรียน ลงไปถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงไปถึงกระทรวงยุติธรรมผมเห็นด้วย เป็นการเพิ่มสมาชิกแต่ต้องมีทำในเชิงรุกมากขึ้นกว่านี้ ให้น่าสนใจทำให้ประชาชนกว่า 19 ล้านคนเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น รวมถึงช่องทางการสมัครเป็นสมาชิก การตัดบัญชีควรทำให้ง่าย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อมาแล้วรู้สึกว่าวุ่นวายหรือยาก”สส.พรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว
.
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ระบบในวันนี้ยังไม่มีการเตือนว่าสมาชิกส่งเงินเข้ากองทุนฯมาแล้วเท่าไร ยังเงียบอยู่อยากให้ทำตรงนี้ด้วย บางครั้งการออมเงินควรมีการกระตุ้นเตือนอย่างสม่ำเสมอ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งยุทธศาสตร์การลงทุนในภาวะปัจจุบัน ที่ผ่านมามีผลตอบแทนการลงทุนช่วงโควิด หรือช่วงมีข้อพิพาทระหว่างประเทศมากมาย และสาเหตุจากอื่น ๆ การได้ผลตอบแทนการลงทุน 1.85% ตนคิดว่าพอรับได้ดีกว่าบางส่วนที่ไปลงทุนแบบเสี่ยงทำให้เกิดความเสียหาย
.
ทั้งนี้ อยากย้ำว่าจะทำอย่างไรให้กองทุนฯมีเสน่ห์คล้ายๆกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของภาคเอกชนหรือโพลิเดนท์ฟันที่ทำให้คล้ายกันทำให้รู้สึกว่ากองทุนฯนี้เป็นอนาคตในการออมของพวกเขาได้จริงๆก็จะดีมาก หรือจะไปจ้างคนมาบริหารเพื่อลดความเสี่ยงแต่ได้ผลตอบแทนมากขึ้นก็จะดี จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารกองทุนฯได้ดำเนินการสิ่งดีๆเหล่านี้ต่อเนื่องต่อไป ตนในฐานะอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้พยายามประชาสัมพันธ์กองทุนฯนี้มาตลอด ก็ขอให้ทำต่อไปเพราะเป็นเรื่องดีของการออม