“เนเน่” รัดเกล้า รองโฆษก รทสช. ฟาดแรง “นักอวิชาการ” ให้ข่าวบิดเบือนเป็นพิษต่อสังคม กรณีวิเคราะห์มั่วทำสังคมเข้าใจผิด ระบุ “พีระพันธุ์”คือสุภาพบุรุษที่เป็น role model ตามอุดมการณ์ของพรรคที่ พร้อมสละตำแหน่ง ส.ส. สู่การเดินหน้าต่อสู้เพื่อทำงานเพื่อประเทศมีความสำคัญกว่าการรับตำแหน่งใดๆ ย้ำ 3 อุดมการณ์ รทสช.คือ สร้างสังคมที่เท่าเทียม คืนความเป็นธรรม และ สร้างความมั่นคงให้ประเทศ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังมีผู้ที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการทางการเมืองยังคงออกมาให้ข่าว วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองมุ่งสร้างความเข้าใจผิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอชื่อ “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเสียข้างน้อย ทำให้ประชาชนสับสนและสร้างความเสียหายต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนางรัดเกล้าได้โพสต์ข้อความชี้แจงมีเนื้อหาระบุว่า
“กระแสข่าวเกี่ยวกับ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยหลายคนยังขาดความเข้าใจว่า “ตัวตนของรวมไทยสร้างชาติ” แท้จริงคือใคร เพราะ… #ถ้าคุณเข้าใจ #คุณจะไม่สงสัย
พรรครวมไทยสร้างชาติสร้างขึ้นมาบนความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติตาม 3 อุดมการณ์ คือ สร้างสังคมที่เท่าเทียม คืนความเป็นธรรม และที่สำคัญ สร้างความมั่นคงให้ประเทศ… หากคุณรู้ เข้าใจ และจำได้แม่น (และไม่แกล้งลืม) คุณจะ #ไม่สงสัย #ไม่หลงประเด็น และ #ไม่เสียเวลา กับการ #กังขาในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ท่านพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคของเราคือสุภาพบุรุษที่เป็น role model ของอุดมการณ์ของพรรคที่จะทำงานเพื่อประเทศ การสละบทบาท สส. ของท่าน แสดงให้เห็นว่าการเดินหน้าต่อสู้เพื่อทำงานนั้นมีความสำคัญกว่าการรับตำแหน่งใดๆ นอกจากนั้น ยังเป็นการคงสัจจะที่พวกเราชาว รทสช. ได้ลั่นวาจาไว้ว่า #อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว
ซึ่ง! วันนั้นเราพูดไว้อย่างไร วันนี้เรายังคงทำอย่างนั้น เรามั่นคงในคำพูดของเรา (ไม่เปลี่ยนคำพูดไปมา ไม่กลืนน้ำลายตัวเอง) #ไม่ต้องกังขา
การเสนอชื่อท่านวิทยาเป็นรองประธานสภาฯ คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงจุดยืนที่เราจะเป็นตัวแทนของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตยทุกความเห็นของประชาชนมีความหมาย (ไม่ใช่ “เสียงส่วนใหญ่ถูกเสมอ มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ เสียงส่วนน้อยถอยไป” เหมือนที่หลายคนเข้าใจผิดๆ อยู่ทุกวันนี้) ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อย (อย่างต่ำก็ 4.7 ล้านคน) ที่ไม่ต้องการเห็นการแก้/เลิก มาตรา 112 ไม่ต้องการเปลี่ยนวันชาติ ไม่อยาก #เปลี่ยน เรื่องที่ไม่เป็นสาระ แต่อยากเห็นประเทศ #เจริญก้าวหน้า มีรัฐบาลที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็น ใส่ใจปากท้องจริง ไม่ได้มีดีแต่พูด
ซึ่ง! รทสช. ได้อาสาเป็นตัวแทนของประชาชนกลุ่มนี้มาโดยตลอด และจะเป็นตลอดไป ถ้าคุณเข้าใจก็จะ #ไม่ต้องสงสัย
อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ การที่มีนักวิชาการบางคนมาสร้างข่าวลือว่า รทสช. จะชิงตำแหน่งนายก จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ซึ่ง! ก็เป็นการปั้นน้ำเป็นตัว รทสช. เป็นนักสู้ แต่จะไม่มีวันสู้แบบที่ประเทศจะเสียหาย #ไม่ต้องหลงประเด็น สิ่งที่น่าสงสัยเป็นที่สุดคือเขามีเหตุผลอะไร มีแรงจูงใจอะไร ที่ตั้งใจทำให้ประชาชนให้สับสน เข้าใจผิดกันนะ…
ตามหลักรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต การใส่ “อ” ข้างหน้าคำศัพย์เพื่อสร้างคำที่ตรงกันข้าม เช่น…
#อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้แจ้ง ไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ โดยถูกต้อง
#อคติ หมายถึง ความลำเอียง (เช่น เรียกคนหนึ่งว่า “คุณ” แต่เรียกอีกคนว่า “ลูกเลี้ยง”)
.
#ทีมโฆษกรทสช เราขอแถมคำใหม่ให้ด้วย นั้นคือคำว่า #อวิชาการ หมายถึงผู้ที่มิคู่ควรแก่การได้รับเกียรติเป็น “นักวิชาการ” เพราะนำเสนอแต่เนื้อหาที่ #อวิชา และ เต็มไปด้วย #อคติ เนื้อหาที่นักอวิชาการนำเสนอเป็นพิษต่อสังคมเพราะสร้างความไขว้เขว สับสน และหลงผิด… คนเหล่านี้ควรหยุดได้แล้ว #หยุดพูด #หยุดเขียน #หยุดออกสื่อ
วิงวอน ขอเถอะ ถ้ายังขาดความเข้าใจว่า “ตัวตนของรวมไทยสร้างชาติ” แท้จริงคือใคร… อย่าวิเคราะห์มั่วๆ อย่าพยายามทำให้คนอื่นเข้าใจเราผิด
ให้ประเทศไทยเดินหน้าเถอะ อย่าชวนกัน #ก้าวหน้าหนึ่งเสตป #ก้าวหลังสองเสตป เต้นลีลาศอยู่กับที่… เสียเวลา ไม่มีสาระ สงสารประเทศไทย
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้สื่อได้นำเสนอคำสัมภาษณ์ของ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล อดีตนักการเมืองที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์ทางการเมืองตระเวนให้สัมภาษณ์ในสื่อมวลชนต่างๆ ล่าสุดได้มีการพาดพิงถึงพรรครวมไทยสร้างชาติในประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อพรรค กระทั่งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และทีมโฆษกพรรคทั้ง 4 คนต้องออกมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องพร้อมขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อข้อมูลข่าวที่ไม่เป็นความจริง และขอให้สื่อมวลชนพิจารณาการนำเสนอข่าวจากบุคคลดังกล่าวด้วย