Skip to content
Home » พรรครวมไทยสร้างชาติจัดเวทีปราศรัยใหญ่กลางกรุงครั้งแรก

พรรครวมไทยสร้างชาติจัดเวทีปราศรัยใหญ่กลางกรุงครั้งแรก

พรรครวมไทยสร้างชาติจัดเวทีปราศรัยใหญ่กลางกรุงครั้งแรก เปิดตัวผู้สมัครส.ส.กทม.33 เขตพร้อมชี้แจงนโยบายอย่างเป็นทางการทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ “ม.ล.ชโยทิต” ชี้บางพรรคแจกแต่เงินไม่ใช่แก้ปัญหาแต่เพิ่มยาพิษเพิ่มหนี้สินให้ประชาชน จะทำให้ประเทศชาติล่มจม

เมื่อเวลา 17.00 น.ที่บริเวณลานอัฒจันทร์กลางแจ้ง สวนเบญจกิติ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)จัดงานใหญ่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขตเลือกตั้งครั้งแรก หลังจากได้เบอร์ผู้สมัครอย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำผู้สมัครในกทม.พร้อมชี้แจงนโยบายในด้านต่าง ๆ ของพรรค โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำพรรค นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยอย่างพร้อมเพียง ท่ามกลางความสนใจของคนกทม.มาร่วมฟังหลายพันคน ทั้งนี้ มีการยิงคิวอาร์โค้ดถ่ายทอดสดขึ้นบนจอบนเวทีใหญ่เพื่อให้คนที่มาฟังได้ใช้มือถือสแกนเพื่อส่งต่อลิงก์ถ่ายทอดสดไปยังคนที่รู้จักได้อีกด้วย

นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต พรรครวมไทยสร้างชาติ ปราศรัยเป็นคนแรกว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ทองหล่อ เกิดคลัสเตอร์การระบาดของโควิด วันนั้นโรงพยาบาลในกทม.เตียงผู้ป่วยล้น ระบบสาธารณสุขแทบล่มสลาย แต่ที่เราผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ ตนเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาดำเนินการ คนที่อยู่เบื้องหลังตนคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ถูกคนปรามาสว่า ไม่ทำอะไรเลย แต่อยู่เบื้องหลังตน สนับสนุนทุกอย่างเพื่อต้องการรักษาชีวิตของคนติดโควิด พลเอกประยุทธ์กำชับว่าทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ประชาชนรอด เมื่อวันนี้ พลเอกประยุทธ์มาเป็นแคนดิเดตอันดับ 1 นายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่เลือกได้อย่างไร

นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายจะทำให้เกิดโคงการ “1 เขต 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ศูนย์ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย” บางคนบอกว่าเพ้อเจ้อเพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาล นโยบายนี้ของพรรคคือ ทำให้สังคมเข้มแข็งประชาชนมีส่วนร่วมภาครัฐให้การสนับสนุน ขณะนี้มีพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนปี 62 พลเอกประยุทธ์เป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะส่งเสริมให้ภาคเอกชน เข้ามาแก้ปัญหาสังคม วันนี้เรามีโรงพยาบาลเอกชนเต็มไปหมด แต่ค่ารักษาพยาบาลแพง เราจะแก้อย่างไรให้ค่ารักษาถูก จึงต้องมีโรงพยาบาลเอกชนที่ทำเพื่อสังคม คือโรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม

อย่างไรก็ตาม ตนได้หารือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ว่ายังไม่มีกฎหมายลูกมารองรับเรื่องนี้ ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชนและประชาชนที่รวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน จึงต้องมีกฎหมายมารองรับ เพื่อให้โรงพยาบาลประจำเขต 50 เขตในกทม.เป็นโรงพยาบาลวิสาหกิจ ชุมชนที่รองรับผู้ป่วยบัตรทอง ผู้ป่วยประกันสังคม ผู้ป่วยบัตรราชการ สามารถเข้าโรงพยาบาลเอกชนเหล่านี้ได้

นพ.เหรียญทอง กล่าวด้วยว่า ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาล ตนจะทำให้ดูพูดแล้วถ้าทำไม่ได้ไม่ใช่หมอเหรียญทอง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะกทม.มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน สิทธิบัตรทอง 4 ล้านกว่าสิทธิ ประกันสังคม ข้าราชการและครอบครัวอีก วันนี้การรักษาในกทม.ขาดการเข้าถึง นโยบายเร่งด่วน คือการแก้ไขการให้บริการทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนในกทม.เข้าถึงการรักษาถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ดู

จากนั้นเวลา 17.25 น. ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกในการจัดเวทีของพรรคว่า รัฐบาลนี้ได้ลงทุน 3 ล้านล้านในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อคนไทยทุกคน ตรงนี้ทำให้การติดต่อสื่อสาร การขนส่งสินค้าถูกลงลดต้นทุนของธุรกิจและคนตัวเล็ก โครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นถนน รางรถไฟ สนามบิน หรือท่าเรือ เราพร้อมเรามีมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า

ทั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพื่อให้ดูว่า จะทำอย่างไรประเทศไทยถึงจะแข่งขันกับประเทศต่างๆได้ วันนี้ยอดลงทุนในอิเล็กทรอนิกส์สูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นเกือบ 40% จนตอนนี้อยู่ที่ 6 แสนกว่าล้าน ดังนั้นการที่เราจะหารายได้ 4 ล้านล้านไม่ใช่ความฝัน ความฝันที่เป็นจริงได้เกิดจากการกระทำไม่ใช่การแจกหรือการพูด ในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศทางพรรคเตรียมทำธุรกรรมกับหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม ในธุรกิจเรื่องของพลังงานหมุนเวียน และการอยู่อย่างยั่งยืนจะเพิ่มรายได้ให้พี่น้องไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้าน ดังนั้นเศรษฐกิจไทยที่บอกว่าสู้เขาไม่ได้ไม่จริง สิ่งที่เราสู้เขาได้และไกลกว่าเขามากคือพลเอกประยุทธ์ เห็นแต้มต่อไปปักธงในต่างประเทศว่าไทยเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่จะเป็นประเทศที่ไม่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน 2 ปีไม่มีประเทศไหนทำไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เราจะเป็นฐานผลิตที่ไร้ คาร์บอนไดออกไซด์ ในขณะที่เพื่อนบ้านเราใช้ถ่านหิน ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าเรา 5-6 เท่า เราจึงต้องเร่งทำนโยบายพลังงานสะอาด

“บางพรรคแจกแต่เงินการแจกเงินไม่ใช่แก้ปัญหาแต่เป็นการเพิ่มยาพิษเพิ่มหนี้สินให้ประชาชน จะทำให้ประเทศชาติล่มจมเราต้องโตอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ทุกพรรคแจกอย่างเดียวแจกอย่างไม่มีวินัยแจกแหลกแจกแบบไม่ตรงเป้า เปรียบเสมือนพลุงานวัดแหกตาคนดู จุดเสร็จกลับบ้านก็เหมือนเดิม แต่เงินประเทศไทยหาย พรรคหนึ่งบอกว่ามีนายกฯคนใหม่ฉลองนายกฯคนใหม่ด้วยเสียเงิน 500,000 ล้านบาท อีกพรรคหนึ่งบอกว่าจะเอาเงิน 6-7 แสนล้านมาแจกจ่ายประชาชนเก็บภาษีจากคนมีฐานะ ซึ่งไม่ผิด ถ้านึกกลับกันคนที่เขามีฐานะไม่ยินยอมแล้วขนเงินออกจากประเทศไทยไปจะทำอย่างไร จะเหมือนประเทศอินโดนีเซียที่ขนเงินไปประเทศ ดังนั้นเราต้องโตอย่างมีคุณภาพถึงจะมีความสุข ถ้ามัวแต่ตีกันแยกคู่กันเราจะโตได้หรือไม่ ไม่มีใครมาลงทุน ดังนั้นถ้าอยากได้ความสงบอยากได้คนเข้าไปแก้ปัญหาไม่ใช่แค่พูด ต้องเลือกพลเอกประยุทธ์เราไม่แพ้ใครในโลกนี้ ต้องเลือกเบอร์ 22 เท่านั้น” ม.ล.ชโยทิตกล่าว

จากนั้น นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้ขึ้นแนะนำผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 33 เขต พร้อมโดยให้แต่ละคนได้แนะนำตัวท่ามกลางกองเชียร์แห่มาเชียร์อย่างล้นหลาม