Skip to content
Home » นปช.พื้นที่อีสานโบกธงหนุน รทสช. เสนอเป็นตัวแทนกว่า 20 คน พีระพันธุ์ ตั้งเป้าหมายเน้นรวมใจทุกสีร่วมพัฒนาชาติ

นปช.พื้นที่อีสานโบกธงหนุน รทสช. เสนอเป็นตัวแทนกว่า 20 คน พีระพันธุ์ ตั้งเป้าหมายเน้นรวมใจทุกสีร่วมพัฒนาชาติ

[vc_row][vc_column][vc_column_text]“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ควง “วิทยา แก้วภราดรัย”  พบปะพี่น้องอีสาน หวังรวมใจคนทุกสีร่วมพัฒนาชาติด้วยกัน ขณะแกนนำ นปช. อีสานหลายจังหวัด นำสมาชิกสวมเสื้อแดง โลโก้ “รวมไทยสร้างชาติ” โบกธงสนับสนุนเต็มห้องประชุม ระบุแม้การทำงานในอดีตจะมีแนวทางที่แตกต่างแต่มีเป้าหมายเพื่อประเทศไทยเหมือนกัน ชี้รู้ปัญหาเดือดร้อนสำคัญเรื่อง “หนี้กองทุนหมู่บ้าน” จนทำคนเดือดร้อนทั่วประเทศ เตรียมหาข้อมูลและแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนแล้ว แจงตอนนี้มีคนเสนอเป็นตัวแทนสนับสนุนพรรคกว่า 20 คนแล้ว

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ศูนย์ประชุมมณฑาทิพย์ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ,นายวิทยา แก้วภราดรัย รองหน้าหน้าพรรค พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค เดินทางพบปะผู้สนับสนุนพร้อมร่วมประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางการทำงานของพรรคกับผู้แสดงความจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ

ท่ามกลางสมาชิกพรรคและประชาชนผู้สนับสนุนโดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน ทั้ง  อุดรธานี,ร้อยเอ็ด,หนองคาย,สกลนคร,กาฬสินธุ์ และ จ.มุกดาหาร  รวมทั้งนางรัตนาวรรณ สุขศาลา อดีตประธาน นปช. อุดร สมาชิก นปช.นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.พลังชาติไทย มาสังเกตการณ์ด้วย โดยผู้สนับสนุนต่างสวมเสื้อโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งสีน้ำเงินและสีแดง มารวมประชุมกัน

นายพีระพันธุ์ ได้ขึ้นกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า ตนเคยมาอีสานหลายครั้งแต่ไม่ได้มาเรื่องการเมืองเพราะตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยคิดเป็นนักการเมืองแต่ได้รับการปลูกฝังเรื่องความเป็นธรรม และเชื่อว่าประชาชนจำนวนมากยังคงมีปัญหาความเดือดร้อน ไม่ได้รับความยุติธรรมทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องที่ทำกิน และอยากทำพรรคที่สู้เพื่อประชาชน จนกระทั่งเกิดเป็นพรรครวมไทยสร้างชาตินี้ขึ้นมา ซึ่งตนเชื่อว่าในใจของทุกคนต้องการเห็นชาติบ้านเมืองดีขึ้นเหมือนกัน แต่กลับถูกแบ่งสีให้ต่างกันทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกัน ดังนั้นตอนนี้จึงถึงเวลาแล้วที่จะเลิกแบ่งสี แต่ควรรวมใจกันมาพัฒนาบ้านเมืองให้ไปสู่เป้าหมายเดียวคือการพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้รับรู้ปัญหาสำคัญของประชาชนนั้นคือเรื่องของหนี้กองทุนหมู่บ้าน  ซึ่งเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องหาแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนนี้ ตอนนี้ทางพรรคได้ทำการศึกษารายละเอียดเรื่องนี้แล้วและเตรียมที่จะแก้ไขปัญหา โดยจะต้องดูเรื่องของขอบเขตและแนวทางกฎหมายให้รอบคอบ เพื่อปลดหนี้กองทุนหมู่บ้านให้กับผู้ที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในทุกวันนี้และไม่เพียงแต่อีสาน แต่ยังพบว่ามีอยู่ทุกที แนวทางสำคัญคือนอกจากจะปลดหนี้แล้ว ทางพรรคยังมีแนวทางที่จะสร้างกองทุนใหม่ที่มีความยั่งยืน ขึ้นมาทดแทนอีกด้วย

“ทั้งหมดนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ จะศึกษารายละเอียดที่จะปลดหนี้ให้กับประชาชน  เพราะผมเข้าใจเรื่องระบบบัญชีที่ต้องแบกหนี้เพื่อปิดบัญชี ทำให้เป็นหนี้ไม่สิ้นสุด ตอนนี้เรากำลังหาข้อมูลรายละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป” นายพีระพันธุ์กล่าว

ต่อมานายพีระพันธุ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สำหรับการเดินทางมา จ.อุดรธานี ในครั้งนี้ ตนพูดมาตลอดว่าเป้าหมายสำคัญคือหวังการเลิกการทะเลาะกันจากสีเสื้อทุกฝ่าย ทั้งแดง ทั้งเหลือง เพราะทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกัน คือการพัฒนาชาติบ้านเมือง ดังนั้นควรเอาความสามารถมาแก้ดีกว่าเหมือนที่ตนพูดบนเวที ทั้งนี้ไม่ได้มองเรื่องว่าจะไปเจาะไข่แดงอะไร โดยเฉพาะอีสาน แต่มองเพียงเรื่องความสามัคคี ต้องการให้เข้าใจกันไม่ว่าจะเป็นสีใด แต่ทุกคนคือคนไทย ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าดึงใครมาร่วมงาน เพราะทุกคนมีแนวทางเป็นของตัวเอง วิธีการอาจจะต่างกันแต่เป้าหมายเหมือนกันก็สามารถทำงานด้วยได้  โดยที่ผ่านมานายวิทยา รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ประสานงานกับแกนนำใน จ.อุดรธานีจากมา 5-6 เดือน

เมื่อถามว่ามีนักการเมือง อดีต ส.ส.หรือ ส.ส.มีร่วมงานด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ตอนแรกยังคิดว่าจะมีหรือไม่แต่ตอนนี้ทราบว่ามีจำนวนมากจนล้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับข่าวของนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการประสานงานมาก่อนจะเปิดตัวพรรคมานานแล้ว  ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯ จะตั้งให้ตนเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้น ตอนนี้ตนไม่รู้ เพราะมีความสุขกับการทำงานอยู่แล้ว และที่ผ่านมาเพิ่งได้เจอท่านนายกฯ ก็แค่ถามความเห็นเรื่องกฎหมายเรื่องศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นมา ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้มีพูดอะไรกันเลย ซึ่งหากจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอะไรก็ทำงานได้ทั้งหมด แม้ไม่มีตำแหน่งก็ทำได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

“ส่วนเรื่องเทียบเชิญ ไม่กล้าที่จะทำหากท่าน ยังไม่พูด แต่การตัดสินใจเป็นอย่างไรไม่รู้ ต้องรอเพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งเห็นว่าไม่ว่าท่านจะมาหรือไม่มาก็ไม่ได้กระทบพรรค เพราะพรรคมีเป้าหมายอยู่แล้วในการทำงานไม่ได้มองว่าใครจะมาหรือไป พรรคนี้ตั้งใจมาทำงานด้วยตัวเองและอยากปักธงที่นี่” นายพีระพันธุ์ กล่าว

ด้านนายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการแบ่งแยกแบ่งสี ทำให้ตนในฐานะเป็นแกนนำ กปปส.ทีทำให้ที่ผ่านมาไม่เคยได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องชาวอุดรฯเลย แต่เมื่อได้ตั้งใจจะสร้างพรรคใหม่ร่วมกับนายพีระพันธุ์ และนายพีระพันธุ์ก็มีความหวังที่จะสร้างความสามัคคีปรองดองของคนไทยทุกฝ่ายมาร่วมกันพัฒนาชาติตามนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้รับปากว่าจะประสานงานพูดคุยกับทุกฝ่าย จนในที่สุดได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น นักการเมืองในพื้นที่,แกนนำ นปช. รวมไปถึงพี่น้องประชาชนชาวอุดรฯ และชาวอีสานอีกหลายคนจึงทำให้เห็นว่าแม้ในอดีตแนวทางการทำงานจะแตกต่างกันแต่ทุกคนมีความมุ่งหมายเดียวกันคือต้องการให้ชาติและบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน ในที่สุดก็ตกลงร่วมกันว่าจะจับมือกันเพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศไทย รักษาสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสร้างนักการเมืองที่ดี มีความซื่อสัตย์ไปด้วยกัน

“พรรคนี้ชื่อรวมไทยสร้างชาติ คือการรวมทุกฝ่ายทุกคนเพื่อสร้างชาติของเรา เราจะหลอมรวมจิตใจก้าวไปข้างหน้า ขอบคุณพี่น้องอีสานทุกคนที่สนับสนุน ตอนนี้ทราบว่าใน จ.อุดรธานี ทั้ง 9 เขต มีผู้เสนอตัวเข้ามาทำงานและลงสมัครแล้ว เกือบ 20 คนมีทั้งอดีต ส.ส. สจ. แกนนำ นปช. ถือว่ามากที่สุดในประวัติการณ์  วันนี้จึงเป็นวันเริ่มต้นที่คนทุกสีเสื้อที่จะมารวมตัวกัน รวมใจกันเป็นรวมไทยสร้างชาติ เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองร่วมกันต่อไป” นายวิทยากล่าว

 

#พรรครวมไทยสร้างชาติ #สู้ให้ทุกปัญหา #พึ่งพาได้ทุกเรื่อง #สร้างสังคมเท่าเทียม #ทีมพีระพันธุ์

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][/vc_column][/vc_row]