วันที่ 14 ตุลาคม 2568 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาในญัตติการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ว่า
.
ที่ผ่านมาประเทศไทยวนเวียนอยู่กับการเขียนรัฐธรรมนูญและถูกรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญเรื่อยมา จนกระทั่งได้รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ที่ยกร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่ว่าฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบนายกรัฐมนตรีได้ ก่อนจะเกิดการรัฐประหารและมีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จนมาถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ในปัจจุบัน ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ และมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นของประชาชน แต่การแก้ไขก็ไม่ได้ง่าย เพราะต้องทำประชามติขอความเห็นจากประชาชนก่อน ซึ่งความคาดหวังของประชาชนในเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความเป็นอยู่ที่ต้องดีขึ้น และในปัจจุบันรัฐธรรมนูญก็ได้พัฒนาเรื่องดังกล่าวมาเป็นระยะและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้แล้วอย่างครอบคลุม
.
ในส่วนประเด็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นายวิทยา ให้ข้อสังเกตว่า หากจะมีปัญหาก็เป็นเรื่ององค์กรอิสระที่มีบทบาทมากเกินไปและยังมีหลายองค์กรมากเกินความจำเป็น เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่รับอำนาจการดูแลการเลือกตั้งมาจากกระทรวงมหาดไทย แต่กลับปล่อยให้มีการทุจริตซื้อเสียงและปล่อยให้มีการซื้อ-ขายตัว สส.และผู้สมัครในราคาที่สูงไปถึงหลักสิบหลักร้อยล้านบาท หรืออย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ก็มีปัญหาอยู่มาก เพราะแค่ชี้มูลข้าราชการคนใด ข้าราชการคนนั้นก็ต้องออกจากราชการทันที
.
“ปัญหาที่เห็นร่วมกันจากองค์กรอิสระ คือ หากองค์กรใดมีอำนาจหน้าที่มาก ก็จะมีพฤติกรรมให้ความเป็นธรรมกับประชาชนน้อยลงเรื่อย ๆ และสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด คือ การทุจริตคอร์รัปชัน ที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ผมจึงเห็นด้วย ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปจะมีการบัญญัติการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า อีกปัญหาที่ต้องแก้ไข คือ ความยากจนของประชาชน อันเห็นได้จากปัจจุบันที่คนชนบทส่วนมากมักประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลือกทิ้งอาชีพดั้งเดิมแล้วอพยพเข้ามาทำงานในเมืองแทน ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวในการพัฒนา ล้มเหลวในการปราบปรามการคอร์รัปชัน ขณะเดียวกันการเมืองไทยยังเจอความปั่นป่วน ขาดความมีเสถียรภาพและเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นอีกหลายประการ ตนจึงเชื่อว่า หากยิ่งแก้รัฐธรรมนูญ จะยิ่งทำให้ระบบรัฐสภาและการเมืองไทยขาดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น แต่หากจะแก้รัฐธรรมนูญจริง ตนก็เชื่อว่าต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับประชาชนอีกพอสมควร และต้องชี้แจงให้ประชาชนรู้อย่างตรงไปตรงมาว่า ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะสภาเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาจากเผด็จการ
‘ผมเน้นย้ำว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่กระทบอธิปไตยของชาติ และต้องไม่กระทบต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะหากกระทบถึงสถาบันชาติ คนไทยจะไม่มีทางยอมและจะไม่มีทางให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติแน่นอน’ นายวิทยา กล่าวทิ้งท้าย
