พีระพันธุ์’ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เปิดโครงการฝึกอบรมทางกฎหมายแก่สมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป เผยกระแสพรรคดีต่อเนื่อง ย้ำมุ่งหน้าทำงานต่อ เชื่อมั่นผลงานที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า
.
วันที่ 4 ตุลาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธานเปิดงาน ‘โครงการฝึกอบรมให้ความรู้ทางกฎหมายแก่สมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป’ โดยมีนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นางสาวรัตนาวรรณ สุขศาลา ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยสมาชิกพรรค และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมโครงการด้วย ณ โรงแรมเจริญโฮลเต็ล อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
.
ในโอกาสนี้ นายพีระพันธุ์ได้กล่าวต่อผู้ร่วมโครงการว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยมาพบปะพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ชาวอุดรธานี มาแล้วในช่วงก่อนเลือกตั้งเมื่อปี 2566 และต้องขอขอบคุณนายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นมา
.
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนและพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้พิสูจน์จากผลงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมาว่า ได้ต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในด้านพลังงานที่ตนมีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงพลังงานในช่วงนั้น และได้สร้างผลงานเป็นรูปธรรมหลายอย่าง เช่น การลดค่าไฟ ที่สามารถตรึงค่าไฟให้อยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาท ได้ตลอดทั้งปี 2567 ทั้ง ๆ ที่มีการเสนอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าอาจจะปรับค่าไฟให้ขึ้นไปถึงหน่วยละ 4.80 บาท ขณะที่ในปี 2568 ตนก็ประกาศมาก่อนตั้งแต่ต้นปีว่าจะเป็นปีแห่งการลดค่าไฟให้คนไทย และก็สามารถลดค่าไฟได้จริงและลดได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หน่วยละ 4.18 บาท ลงมาเหลือหน่วยละ 4.15 บาท และเหลือหน่วยละ 3.94 บาท ในปัจจุบัน ซึ่งจะคงอัตรานี้ไปจนถึงสิ้นปี 2568 โดยทั้งหมดไม่ใช่การสู้เพียงคำพูด แล้วมีผลประโยชน์ลับหลัง แต่เป็นการสู้ที่ตั้งใจจริง ทำจริง และมีผู้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงเพียงผู้เดียว คือ คนไทยและประเทศชาติ ซึ่งเป็นผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติต้องการ และพร้อมสู้ให้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
.
ดังนั้น สิ่งที่ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติต้องการในขณะนี้ คือ การหาบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานการเมืองให้ประเทศ ไม่ใช่มาเล่นการเมือง หากพ่อแม่พี่น้องต้องการคนมาทำงานการเมืองก็สามารถเลือกและไว้ใจผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตนก็พอใจกับกระแสตอบรับจากพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่เริ่มให้ความเชื่อใจและความสนใจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ มากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากช่วงวัยของผู้ที่สนใจพรรคที่มีกลุ่มคนวัยคนทำงานให้ความสนใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งระดับอาชีพของผู้ที่สนใจพรรค ก็มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้ามาจนถึงเจ้าของธุรกิจ
.
“ขอให้มั่นใจว่าที่ผมทำงานมาไม่สูญเปล่า มีคนเห็นค่า เห็นผลงาน และพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ที่ผ่านมาจะถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายจากผู้ไม่หวังดีก็ตาม ซึ่งผมขอยืนยันว่า จะเดินหน้าทำงานต่อ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน โดยจะไม่เกรงกลัวหรือสยบยอมต่ออิทธิพลหรือสิ่งใด ที่สำคัญ หากตราบใดที่ผมมีตำแหน่งหรือหน้าที่ในการบริหารประเทศ ผมจะมุ่งมั่นทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องทุจริตเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของผมอย่างเด็ดขาด สุดท้ายนี้ผมขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันสู้เพื่อประเทศไทย มาร่วมกันสู้ไปกับผมและพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายพีระพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย








