วันที่ 3 กันยายน 2568 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ และประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติโรงงาน ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน เป็นความตั้งใจที่จะยกระดับการดูแลพี่น้องคนไทยให้ปลอดภัยจากผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เห็นปัญหาต่าง ๆ จากโรงงานและอุตสาหกรรมไทย จนนำไปสู่การศึกษาและได้ข้อสรุปว่า สาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวมีด้วยกัน 2 ข้อ คือ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ, การเกิดช่องว่างทางกฎหมาย ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการอาศัยช่องว่างมาสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทนั้น ๆ
.
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย เข้ากับบริบททางสังคมและการอุตสาหกรรมในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่ออุดช่องว่างทางกฎหมาย และเพื่อให้มีข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ข้อจำกัดเกี่ยวกับการฟื้นฟูและเยียวยาทางกฎหมาย และข้อจำกัดเกี่ยวกับบทกำหนดโทษทางอาญา ซึ่งจะส่งผลให้กฎหมายมีบทป้องกันการกระทำผิดของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและโรงงานที่ชัดเจน
.
นายอัครเดช ยกตัวอย่างว่า เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีโรงงานพลุระเบิด ซึ่งในชื่อแล้วหมายถึงโรงงาน แต่ในทางกฎหมายกลับไม่ถูกนิยามให้เป็นโรงงาน เพราะมีคนงานไม่ถึง 50 คน อีกทั้งยังขาดความเชี่ยวชาญของพนักงานปกครองที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมโรงงานเท่ากระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งหากปรับมาใช้เป็นร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ฉบับที่ตนเสนอ จะมีการกำหนดนิยามให้โรงงานเช่นนี้เข้าข่ายเป็นโรงงานที่ต้องขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีการตรวจสอบควบคุม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นด้วย
.
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.โรงงาน จะมีการกำหนดโทษที่มากขึ้น ทั้งโทษทางอาญาและโทษทางแพ่ง หลังปัจจุบันยังมีช่องว่างอยู่มาก เช่น ที่ผ่านมามีโรงงานแห่งหนึ่งถูกดำเนินคดีอาญาด้วยการเปรียบเทียบปรับเพียง 3 แสนบาท แต่โรงงานสามารถประหยัดต้นทุนจากการทำผิดได้มากถึง 70 ล้านบาท ในเวลา 5 ปี
.
และยังมีเรื่องความรับผิดชอบทางแพ่งที่ต้องมีการปรับปรุงทางกฎหมาย โดยยกตัวอย่างว่า ที่ผ่านมามีโรงงานหลายแห่งขุดลอกฝังกลบกากของเสียอุตสาหกรรมอย่างไม่ถูกวิธีและผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบสาธารณสุขในพื้นที่ จนส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งกว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ประกอบการดังกล่าวได้ ต้องใช้เวลาร่วมสิบปี แต่หากเป็นร่างพระราชบัญญัติที่ตนเสนอ จะให้อำนาจกระทรวงอุตสาหกรรมฟ้องแพ่ง และมีกระบวนการทางกฎหมายที่เร่งรัดมากขึ้น เพื่อนำเงินมาเยียวยาได้อย่างทันที ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัตินี้บังคับให้ผู้ประกอบการต้องทำประกันภัย เพื่อป้องกันเหตุถูกฟ้องร้องทางแพ่งแล้วผู้ประกอบการไม่มีเงินเยียวยาด้วย
.
“โดยสรุปแล้ว ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน มีใหญ่หลักที่ต้องแก้ไขใน 4 ประเด็นตามที่ตนนำเสนอไป ซึ่งย้ำว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายโรงงานให้มีความทันสมัย เหมาะสมต่อบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ภายใต้กฎหมาย มีมาตรฐานในการทำงานตามหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่กระทำผิดและสร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งสามารถเอาผิดได้ทันทีหากผู้ประกอบการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะช่วยปกป้องผลประโยชน์และสุขภาพของชาวบ้าน ปกป้องสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตและได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพด้วย” นายอัครเดช กล่าว
