วันที่ 27 สิงหาคม 2568 นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เปิดเผยถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่า
.
สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ ในวาระ 2 & 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
ประโยชน์ที่จะได้รับจากพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ มีดังนี้
.
1.จะมีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ทำให้มีแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในการขนส่งสาธารณะที่ชัดเจน มีมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และบูรณาการให้เกิดอัตราค่าโดยสารร่วม รวมทั้งมีแนวทางในการสนับสนุนระบบตั๋วร่วมและการดำเนินงานกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง และประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้มากขึ้น
.
2.จะมีการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ทำให้มีหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมที่ชัดเจนเกิดการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างระบบขนส่งสาธารณะแบบไร้รอยต่อ รวมทั้งมีการกำหนดให้ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมเพื่อให้แน่ใจว่าการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมเป็นไปตามมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม และให้บริการประชาชนในระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างต่อเนื่อง
.
3.อัตราค่าโดยสารร่วมจะทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ลดลงจากการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ โดยให้มีการยกเว้นค่าแรกเข้าเมื่อผู้ใช้บริการมีการเดินทางข้ามระบบ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน และลดปัญหาการจราจรแออัดในเขตเมือง
.
4.จะมีกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม โดยกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ระบบตั๋วร่วม ให้ประชาชนผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วมสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะด้วยความสะดวก โดยมีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผล และสนับสนุนการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของผู้ได้รับใบอนุญาตที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากการเข้าร่วมระบบตั๋วร่วม รวมทั้งให้ได้รับใบอนุญาตกู้ยืมสำหรับดำเนินการลงทุน ปรับปรุง และพัฒนาการให้บริการระบบตั๋วร่วม
.
5.จะมีพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมในการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ
.
6.จะมีมาตรการปรับเป็นพินัย โดยมีมาตรการปรับเป็นพินัยแทนการลงโทษปรับทางปกครอง ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่าการให้บริการระบบตั๋วร่วมเป็นไปตามมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องและไม่หยุดชะงัก
.
7.จะมีการกำหนดโทษทางอาญา มีมาตรการในการลงโทษสำหรับการประกอบกิจการในระบบตั๋วร่วมโดยมิได้รับใบอนุญาต ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อเป็นการยับยั้งการกระทำความผิด
.
8.จะมีบทเฉพาะกาล โดยมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญากับเอกชนดำเนินการเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน ในกรณีที่อัตราค่าโดยสารร่วมจะกระทบต่อสัญญาดังกล่าว
