วันที่ 21 สิงหาคม 2568 นายพงษ์มนู ทองหนัก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ตั้งกระทู้ถามทั่วไปต่อนายกรัฐมนตรี ถึงนโยบายการช่วยเหลือรายได้ของเกษตรกร ด้านราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ตอบ ว่า
.
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อที่ประชุมรัฐสภาว่ารัฐบาลจะยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย โดยใช้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นำเทคโนโลยีด้านการเกษตร เช่น เกษตรแม่นยำ และเทคโนโลยีอาหาร มาใช้พัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และอาชีพที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร รวมทั้งยกระดับรายได้ของเกษตรกรนั้น
.
อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นราคาสินค้าทางการเกษตรกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ ไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น โดยในวันนี้คำถามเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสินค้าทางการเกษตรจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
.
ประเภทที่ 1 พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งอ้อยที่จากราคา 1,300 บาทต่อตันในปีที่ผ่านมา ในปีนี้ราคาเหลือเพียง 900 บาทต่อตัน มันสำปะหลังจากราคา 5-6 บาทต่อกิโลกรัม ในปีนี้ราคาเหลือเพียง 1.80 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวโพดจากราคากิโลกรัมละ 8-9 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 4 บาท และข้าวเหลือเพียงตันละ 4,000-5,000 บาท
.
ทุกวันนี้แม้จะมีการอุดหนุนต้นทุนการผลิตข้าวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จากเดิมที่เคยมีการอุดหนุนต้นทุนการผลิตในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ทำให้ต้นทุนที่คาดว่าจะสามารถใช้ในการผลิตฤดูกาลต่อไปก็หายไปเสียสิ้น
.
โดยตนมีคำถามที่ 1 ว่า รัฐบาลมีแผนการดำเนินงานและมาตรการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรด้านราคาสินค้าเกษตรประเภทพืชไร่ที่มีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องในกรอบระยะเวลา 5 ปี โดยใช้งบประมาณปีละเท่าใด และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด เพื่อให้การดำเนินการของเกษตรกรไม่ขาดทุนและเป็นหลักประกันว่าจะสามารถลืมตาอ้าปากได้
.
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพาณิชย์ ได้ตอบว่า รัฐบาลมีความเห็นใจพี่น้องชาวนาและเกษตรกรทุกคน โดยที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่มีการอุดหนุนต้นทุนการผลิตให้แก่ข้าวนาปรัง นอกจากนี้ยังมีความพยายามในการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายธงเขียวที่มีเป้าหมายในการลดต้นทุนของภาคการเกษตรทั้งหมด
.
โดยนายพงษ์มนู ทองหนัก ได้ตั้งคำถามข้อที่ 2 ว่า สินค้าทางการเกษตรประเภทที่ 2 ได้แก่ ลำไย มะม่วง มังคุด และทุเรียน เป็นต้น ที่ปัจจุบันราคาตกต่ำ สวนทางกลับต้นทุนการภาคการเกษตรที่พุ่งสูงขึ้น บางครั้งในการผลิตผลไม้บางชนิดขาดทุนแต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาพืชผลบางชนิดตกต่ำ แต่ไม่มีการอุดหนุนจากรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย
.
นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงปศุสัตว์ ได้แก่ โค กระบือ ที่ราคาตกต่ำจาก 20,000-30,000 บาทต่อตัวเหลือเพียงตัวละ 8,000-9,000 บาทเท่านั้น จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่าต้องหาแนวทางในการกระตุ้นราคาสินค้าทางการเกษตร และลดต้นทุนสินค้าทางการเกษตรด้วย
.
จึงเป็นที่มาของคำถามที่ 2 ว่า รัฐบาลมีแผนการดำเนินงานและมาตรการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรด้านราคาสินค้าเกษตรประเภทพืชสวน โดยเฉพาะผลไม้ รวมทั้งประเภทปศุสัตว์อย่างไรบ้างในกรอบระยะเวลา 5 ปี ใช้งบประมาณปีละเท่าใด และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด
.
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า สำหรับแนวทางการเพิ่มราคาสินค้าทางการเกษตร ตนได้ให้นโยบายไปยังทูตพาณิชย์ทั่วโลกเพื่อขยายตลาดของสินค้าทางการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้สินค้าทางการเกษตรมีราคาที่เหมาะสมและยั่งยืน
.
โดยนายพงษ์มนู ได้กล่าวในตอนท้ายว่า “แม้วันนี้เกษตรกรจะทำการเกษตรแล้วไม่คุ้มทุน แต่คนเคยทำนาก็ต้องทำนา คนเคยทำสวนก็ทำสวน ไม่สามารถเอาข้าวไปปลูกในสวน หรือเอาสวนไปไว้ที่นาข้าวได้ อาชีพที่มีอยู่จะไปบังคับเปลี่ยนแปลงเป็นไปไม่ได้”
