วันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า กระทรวงเกษตรฯ ถือเป็นหนึ่งในกระทรวงสำคัญ เพราะมีหน้าที่ดูแลปากท้องพี่น้องเกษตรกรที่เป็นอาชีพหลักของคนในประเทศ โดยตนขอฝากไปยังกระทรวงให้ทราบว่า ขณะนี้พี่น้องเกษตรกรกำลังเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำต่อเนื่องทุกชนิด โดยเฉพาะในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่พี่น้องชาวนาได้รับความเดือดร้อนมากเช่นกัน โดยรัฐบาลสมัยก่อนได้มีโครงการประกันรายได้ 10,000 บาท ให้กับชาวนา ซึ่งหมายความว่า ถ้าชาวนาขายข้าวได้เกวียนละ 7,000 บาท รัฐบาลก็จะสมทบอีก 3,000 บาท ให้ครบตามจำนวน 10,000 บาท ซึ่งตนมองว่าเป็นนโยบายที่ดีและไม่ใช่การแทรกแซงกลไกตลาดหรือบิดเบือนราคา เพราะเป็นการประกันรายได้ให้ชาวนา
.
แต่ในปัจจุบัน ราคาข้าวเหลือแค่เกวียนละ 5,000 กว่าบาท ทั้งที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตนจึงขอถามว่ารายได้ที่ขาดไป กำไรที่ขาดไป เกษตรกรจะเรียกร้องกับใคร เพราะปัจจุบันรัฐบาลไม่มีโครงการประกันรายได้ให้ชาวนาเหมือนอดีตแล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจปัจจุบันชะลอตัว เพราะกำลังซื้อจากพี่น้องเกษตรกรหายไป ตนจึงขอถามไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะมีมาตรการอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้มากขึ้น เพราะหากเกษตรกรมีรายได้ มีกำลังจับจ่ายแล้ว เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เพราะเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น กำลังซื้อก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน
.
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ตนคาดหวังให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ นำงบที่ตัดทอนมาจากหน่วยงานอื่น ๆ มาเติมให้กับหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ อย่างเช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่แม้ขณะนี้จะมีมาตรการชดเชยข้าวให้กับชาวนาตันละ 1,000 บาท แต่ตนมองว่ายังไม่เพียงพอ จึงอยากให้นำงบที่ตัดจากกระทรวงอื่นมาชดเชยให้กับชาวนามากขึ้นเป็นตันละ 2,000-3,000 บาท ซึ่งตนขอฝากเรื่องนี้ไปให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาอย่างเร่งด่วนด้วย โดยหากทำได้ตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร ก็ขอให้แจ้งกลับมาที่ตนด้วย และหากทำไมได้จะมีมาตรการอื่นชดเชยหรือไม่อย่างไร ก็ขอให้แจ้งมาเช่นกัน เพื่อที่ตนจะได้นำไปบอกต่อพี่น้องชาวนาที่รอคำตอบและรอความหวังในการช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่