วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ดร.วชิราภรณ์ กาญจนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตนได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงานฯ ครั้งที่ 62 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 411 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา การประชุมในครั้งนี้มีวาระพิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาพลังงานในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน และเกาะเต่า อย่างยั่งยืน” โดยมีผู้เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน เช่น นายเฉลิมพร ทองประดู่ พลังงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายธนาคม รื่นพานิช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายเพลินศักดิ์ ตู้วิเชียร รองนายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า, นายสุนทร สมหวัง และนายสนชัย ศรีทองกุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมในการประชุม
.
ดร.วชิราภรณ์ กล่าวว่า จากการหารือในที่ประชุม กลุ่มผู้นำท้องถิ่น จากอำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ได้กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 3 บริเวณดังกล่าวสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ารวมกันไม่น้อยกว่าปีละสี่แสนล้านบาท ขณะที่ไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในต้นทุนและปัจจัยสำคัญของการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม หลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ทั้งสามก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับกันในความเป็นจริง มักเกิดเหตุไฟฟ้าดับและกระแสไฟตกอยู่เป็นประจำ ภาคธุรกิจจึงถูกนักท่องเที่ยวขอคืนเงินค่าโรงแรม อีกทั้งการใช้เครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดไฟฟ้าก็ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียง รบกวนนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน ส่วนการแก้ปัญหาด้วยการใช้เครื่องปั่นไฟแบบรถโมบายเคลื่อนที่ ผู้นำท้องถิ่นก็มองว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยสรุปแล้วจึงต้องการให้คณะกรรมาธิการการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยแก้ปัญหาด้านไฟฟ้าตามที่แจ้งมาให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ทั้งจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจในพื้นที่เติบโตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
.
ดร.วชิราภรณ์ กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงได้ตั้งเป้าไปที่การติดตามการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกรมธนารักษ์ (ธร.) เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ จะคอยประสานและเรียกการติดตามผลกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากฝั่งท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนและฝั่งหน่วยงานรัฐ ในฐานะผู้ที่มีหน้าที่แก้ปัญหา โดยจะติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ และนำผลมาแจ้งให้พ่อแม่พี่น้องทราบต่อไป
