วันที่ 9 สิงหาคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ได้รับใบอนุญาต มอก. บริษัท เอช เอส 138 จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 146,148 ซอยเทียนทะเล 19 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
.
ด้านน.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ บริษัท เอช เอส 138 จำกัด ซึ่งมีนาย เฉิน เซี่ยว หั๋ง เป็นกรรมการ ได้จดแจ้งประกอบกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ลำโพง และชุดสายพ่วง ซึ่งทีมสุดซอย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการจำหน่ายสินค้าบางชนิดที่ไม่มี มอก. และเมื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า เมื่อปี 2566 และ 2567 เจ้าหน้าที่ สมอ. เคยมีการดำเนินคดีกับบริษัทแห่งนี้ในข้อหาขายปลั๊กพ่วง หลอดไฟ ที่ไม่มี มอก. และอยู่ระหว่างอัยการรวบรวมข้อมูลส่งฟ้องศาล
.
จากการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า นอกจากที่ตั้งบริษัททำเป็นสำนักงานและคลังสินค้าแล้ว บริษัทยังมีการขยายโกดังไปยังอาคารด้านข้างและอำพรางการตรวจสอบให้เหมือนเป็นอาคารร้าง โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทั้ง 2 สถานที่ พบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการ ทั้งที่มีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่เครื่องหมาย QR Code ไม่สามารถตรวจสอบใบอนุญาตได้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย แต่กลับไม่มี มอก.อีกหลายรายการ ได้แก่ หลอดไฟ พัดลม เตารีด ลำโพงบลูทูท และหลอดไฟ led รวมทั้งสิ้น 42,263 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 4,724,562 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดอายัดสินค้าทั้งหมด พร้อมแจ้งดำเนินคดีในข้อหานำเข้าสินค้าไม่มีมาตรฐาน มอก. และจำหน่ายสินค้าไม่มีมาตรฐาน มอก.
.
“การลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทหลอดไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วนำมาจัดจำหน่ายในราคาถูก ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค เพราะหากผู้บริโภคซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้บ้านได้ อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นบริเวณกว้าง และยังถือเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการ SME ไทย ที่ประกอบกิจการดี มีมาตรฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับของนายเอกนัฏ จึงได้เร่งทำงานเชิงรุก ตรวจสอบและเอาผิดผู้ประกอบการที่กระทำผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยปกป้องผู้บริโภคไม่ให้โดนเอาเปรียบจากผู้ประกอบการที่จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎกติกา” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว
.
ด้านน.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ บริษัท เอช เอส 138 จำกัด ซึ่งมีนาย เฉิน เซี่ยว หั๋ง เป็นกรรมการ ได้จดแจ้งประกอบกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ลำโพง และชุดสายพ่วง ซึ่งทีมสุดซอย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการจำหน่ายสินค้าบางชนิดที่ไม่มี มอก. และเมื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า เมื่อปี 2566 และ 2567 เจ้าหน้าที่ สมอ. เคยมีการดำเนินคดีกับบริษัทแห่งนี้ในข้อหาขายปลั๊กพ่วง หลอดไฟ ที่ไม่มี มอก. และอยู่ระหว่างอัยการรวบรวมข้อมูลส่งฟ้องศาล
.
จากการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า นอกจากที่ตั้งบริษัททำเป็นสำนักงานและคลังสินค้าแล้ว บริษัทยังมีการขยายโกดังไปยังอาคารด้านข้างและอำพรางการตรวจสอบให้เหมือนเป็นอาคารร้าง โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทั้ง 2 สถานที่ พบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการ ทั้งที่มีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่เครื่องหมาย QR Code ไม่สามารถตรวจสอบใบอนุญาตได้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย แต่กลับไม่มี มอก.อีกหลายรายการ ได้แก่ หลอดไฟ พัดลม เตารีด ลำโพงบลูทูท และหลอดไฟ led รวมทั้งสิ้น 42,263 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 4,724,562 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดอายัดสินค้าทั้งหมด พร้อมแจ้งดำเนินคดีในข้อหานำเข้าสินค้าไม่มีมาตรฐาน มอก. และจำหน่ายสินค้าไม่มีมาตรฐาน มอก.
.
“การลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทหลอดไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วนำมาจัดจำหน่ายในราคาถูก ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค เพราะหากผู้บริโภคซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้บ้านได้ อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นบริเวณกว้าง และยังถือเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการ SME ไทย ที่ประกอบกิจการดี มีมาตรฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับของนายเอกนัฏ จึงได้เร่งทำงานเชิงรุก ตรวจสอบและเอาผิดผู้ประกอบการที่กระทำผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยปกป้องผู้บริโภคไม่ให้โดนเอาเปรียบจากผู้ประกอบการที่จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎกติกา” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว
