วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ให้สภาฯ พิจารณาเรื่องปัญหาข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา จนการพิพาทมีแนวโน้มลุกลามสู่สงคราม ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และกระทบต่ออธิปไตยของชาติ
.
โดยนายวิทยาได้ให้เหตุผลประกอบการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าวว่า การเสนอญัตติเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อปี 2554 กรณีมีการปะทะกันบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ และลุกลามจนกระทั่งใช้กำลังอาวุธ และครั้งนั้นได้มีการใช้สภาฯ แห่งนี้พิจารณาก่อนมีการปฏิบัติการเพื่อรักษาอธิปไตยจากทั้งรัฐบาลและกองทัพต่อไป จนเหตุการณ์ยุติลงไป
.
ในครั้งนี้ เริ่มมีการวิวาทระหว่างทหารของแต่ละฝ่ายที่รักษาแนวเขตแดน เกิดข้อพิพาทว่าฝ่ายใดรุกล้ำอธิปไตยกันแน่ และปราสาทหลายปราสาทที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของไทยมาไม่น้อยกว่า 50-60 ปี ถูกอ้างสิทธิ์ว่าเป็นของประเทศกัมพูชา
.
และตนได้อภิปรายในสภาฯ ว่าต้องสนับสนุนทหารหาญของไทยในการปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งหลังจากนั้นพี่น้องประชาชนต่างส่งกำลังใจให้แก่ทหารหาญใยการปกป้องอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าประชาชนรักทหาร แต่ประชาชนทุกคนรักอธิปไตยของชาติไทย และทราบดีว่าคนที่ปกป้องอำนาจอธิปไตยของไทย ที่เป็นกำลังหลักคือทหาร ไม่ใช่นักการเมือง
.
สุดท้ายเมื่อมีการวางทุ่นระเบิด มีทหารไทยขาขาด ข้อเท้าขาด และบาดเจ็บ ประชาชนต่างตั้งข้อสงสัยว่าทุ่นระเบิดนี้เป็นฝีมือของใคร ทางเราเชื่อว่าเป็นฝีมือที่ตกค้างจากยุคสงครามกลางเมืองของประเทศกัมพูชา ในขณะที่กัมพูชาก็อ้างว่าอยู่ในเขตไทย ไทยต้องรับผิดชอบ ผิดกับที่กล่าวอ้างว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชามาโดยตลอด
.
และเย็นวานนี้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่เกินความอดกลั้นของทหาร และมีการนัดหมายของประชาชนเพื่อแสดงพลังของประเทศ ซึ่งส่วนนี้เป็นข้อกังวลที่สุดของสภาฯ คือ หากให้เกิดเหตุการณ์ประชาชนปะทะกัน จะเกิดคำถามตามมาทันทีว่าทหารมีไว้ทำไม
.
และเมื่อเช้านี้มีทหารฝั่งตรงข้ามเริ่มยิงอาวุธเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นเราต้องถือว่าการรุกล้ำอำนาจอธิปไตยของไทยเริ่มตั้งแต่การวางทุ่นระเบิดในเขตแดนของประเทศไทย ซึ่งกองทัพไทยยืนยันว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้ไม่มีในประเทศไทย แต่เป็นระเบิดที่มีในกองทัพประเทศเพื่อนบ้านและใช้มาโดยตลอด
.
การยื่นญัตติในครั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลได้ฟังเสียงของสภาในประเด็นดังต่อไปนี้ ได้แก่
.
ประเด็นที่ 1 รัฐบาลต้องรีบปกป้องประชาชนชาวไทยทั้งหมดให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย และให้ทหารได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มกำลังในการรักษาอธิปไตยของไทยอย่างสมศักดิ์ศรี ดังนั้นรัฐบาลต้องทุ่มทรัพยากรทั้งหมดในการปกป้องชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทย
.
ประเด็นที่ 2 ความอ่อนแอภายในประเทศไทยที่เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านทราบจึงได้ฉวยจังหวะในการสร้างความนิยมในประเทศ ดังนั้นภายในประเทศไทยก็ต้องปรับ เนื่องจากในวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งรักษาการ แต่สิ่งที่จำเป็นในสถานการณ์นี้มากที่สุดและขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทันที เพื่อสร้างความเข้มแข็งในรัฐ
.
สุดท้ายขอให้กำลังใจไปยังทหารทั้งหมด ว่า ท่านกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามความคาดหวังของประชาชน คือการปกป้องแผ่นดินไทย
