เอกนัฏส่ง ‘มอก.วอทช์’ สแกนสินค้าไม่ได้มาตรฐานทางออนไลน์ ดำเนินคดีเด็ดขา
.
“ขณะนี้ระบบตรวจสอบสินค้าออนไลน์อัจฉริยะ “มอก.วอทช์” สามารถตรวจจับลิงก์ขายสินค้าต้องสงสัยได้แล้วจำนวน 109,819 รายการ ซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ได้ดำเนินการปิดลิงก์ที่จำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานไปแล้ว 2,885 URL เตรียมดำเนินคดี 777 URL และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 3,559 URL โดยในช่วงเวลา 5 เดือนแรกที่ใช้งานระบบมาพบว่าสินค้าที่ละเมิดกฎหมายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย พลาสติกสัมผัสอาหาร, ของเล่นเด็ก และท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ซึ่งจัดอยู่ในลิสต์รายการสินค้าควบคุม 147 รายการ ที่ต้องมีมาตรฐาน มอก. เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่กลับมีการนำเข้าจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างแพร่หลาย ส่งผลกระทบต่อร้านค้าท้องถิ่น ผู้ประกอบการไทย และสร้างความเสี่ยงต่อประชาชนผู้บริโภค” นายเอกนัฏ กล่าว
.
ด้านนายพงศ์พล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้ง 777 คดีนี้ มาจากผลการตรวจของ มอก.วอทช์ ที่พบบนแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ โดยมาจากแพลตฟอร์มสีม่วง 529 คดี และแพลตฟอร์มสีส้ม 248 คดี หลังจากนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และลดการนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมยกระดับ “มอก.วอทช์ 1.0” นี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในเวอร์ชั่นต่อไป โดยเล็งเพิ่มฟังก์ชันที่ประกอบด้วย
1.การคัดกรองสินค้าและการสวมใบอนุญาตปลอม โดยจะไม่ใช่เพียงแค่คัดกรองสินค้าที่ไม่มี มอก. เท่านั้น แต่จะสามารถตรวจสอบสินค้าที่สวมใบอนุญาตไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ ผ่านสารบบของสมอ. ได้ด้วย
2.ตรวจสอบฐานข้อมูลสินค้าไม่ได้ มอก. โดยผู้บริโภคสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
3.เชื่อมต่อแพลตฟอร์ม “แจ้งอุตฯ” ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนลิงก์ที่จำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้ามาได้ทันที
4.ผนึกกำลังกับหน่วยงานพันธมิตรในการส่งต่อฐานข้อมูลและเทคโนโลยีของ “มอก.วอทช์” ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อบูรณาการในการปราบปรามสินค้าไร้มาตรฐานทางออนไลน์เพื่อคนไทยอย่างเต็มรูปแบบ
.
“ด้วยมาตรการที่เข้มข้นและเทคโนโลยี AI ที่ถูกนำมาใช้ กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดยนายเอกนัฏ มุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยไม่ใช่ตลาดสำหรับสินค้าด้อยคุณภาพอีกต่อไป แต่จะเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยสินค้าที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และเพื่อให้ SME-ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในกติกาที่เป็นธรรม” นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย