วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย เปิดเผยว่า
.
สถานการณ์ร้อนแรง แต่การทำงานไม่มีผ่อนแรง
.
รมว.เอกนัฏ เซ็นคำสั่งมอบ ท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักงานอุตสาหกรรม จ. ฉะเชิงเทรา ในช่วง ปี 2565 – ปี 2567 กรณีลักลอบฝังกลบกากพิษอุตสาหกรรม ในพื้นที่ 11 ไร่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
.
ชุดสุดซอยตรวจสอบพบข้อเท็จจริง ดังนี้
ปี 2565 เกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ 11 ไร่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบพบกองกากพิษอุตสาหกรรมทั้งบนดิน ใต้ดิน และในน้ำ จนท.ประมาณการของเสียที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายไว้ที่ 30,000 ตัน จนท.ออกคำสั่งให้เจ้าของที่ดินต้องกำจัดกากพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตัน ให้ถูกต้องตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม และได้มีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งคดีอยู่ที่ชั้นอัยการ
.
ปี 2566 เจ้าของที่ดินเสนอแผนขั้นตอนการกำจัดกากอุตสาหกรรม และ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา ติดตามตรวจสอบการดำเนินการ
.
ปี 2567 อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราในขณะนั้น ทำรายงานกลับมาที่กระทรวงแจ้งว่า เจ้าของที่ดินได้กำจัดกากพิษอุตสาหกรรมหมดแล้วประมาณ 3,608 ตัน โดยมีการแบ่งชนิดของการกำจัดกากพิษอุตสาหกรรมเป็นแบบของเสียปนเปื้อนและไม่ปนเปื้อน
.
ปี 2568 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน ในพื้นที่ 11 ไร่ ใช้เครื่องมือขุดเจาะใต้ดินลึกลงไปเพียง 1 เมตร พบสารเคมี กลิ่นเหม็น และขยะที่ฝังใต้ดินเป็นจำนวนมาก
.
มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และ รายการ The EXIT Thai PBS ประสานมายังชุดสุดซอย ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า นอกจากเอกสารการรายงานที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม จากการนำทีมของ รมว.เอกนัฏ ลงพื้นที่สำรวจร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหลายหน่วยงาน พบว่า กากพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่ 11 ไร่ มีประมาณการที่ 50,000 ตัน
.
จนท.แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของที่ดินในข้อหาลักลอบฝังกลบ และครอบครองวัตถุอันตรายไปยัง บก.ปทส. และ DSI เพิ่มแล้ว พร้อมออกคำสั่งทางปกครองให้เจ้าของที่ดินต้องกำจัดกากพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่ทั้งหมด
.
นอกจากดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดินและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว การตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรายงาน ตรวจสอบ ติดตาม ที่อาจเข้าข่ายบกพร่อง-ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่รวมถึงการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไปด้วย
