วันที่ 29 มิถุนายน 2568 นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 2/2568 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายชื่นชอบ คงอุดม ผู้แทนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมด้วย
.
โดยประเด็นสำคัญในการประชุม คือ การแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 โดยเฉพาะความในมาตรา 11 วรรค 2 ที่เป็นการบัญญัติการเพิ่มอำนาจให้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) โดยบัญญัติให้ สสว. มีหน้าที่อนุมัติงบโครงการที่เกี่ยวกับ SME ของทุกกระทรวงได้ ซึ่งหากเห็นชอบก็ให้ส่งโครงการต่อไปยังสำนักงบประมาณต่อไป แต่หากไม่เห็นชอบก็สามารถยับยั้งโครงการได้ในทันที ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำซ้อนมากเกินไป เนื่องจาก สสว. ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่หลัก คือ การกำหนดนโยบายและการให้คำแนะนำ ไม่ใช่การ “ให้ความเห็นชอบ” งบประมาณ แถมยังสามารถใช้สิทธิยับยั้งทุกโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับ SME ของกระทรวงต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งเป็นเสมือนการทับซ้อนทางหน้าที่และอำนาจ ทั้งยังทำให้ทุกกระทรวงขาดอิสระในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ตนจึงเสนอต่อที่ประชุมให้ทบทวนประเด็นดังกล่าวใหม่อีกครั้งก่อนที่ประชุมจะเห็นชอบตามที่เสนอในที่สุด
.
ในการประชุม นายพงศ์พล ยังได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับมาตรการสร้างรายได้ ด้วยการพัฒนาระบบ E-Commerce เพื่อ SME ไทย ในวงเงินงบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเห็นว่าเว็บขายสินค้าออนไลน์ของบริษัท ไปรษณีย์ ไทย จำกัด มีจำนวนผู้ใช้น้อย แถมยังมีการจ้างอินฟลูเอนเซอร์มาไลฟ์สดขายสินค้า ซึ่งอาจเป็นการแก้ไขที่ไม่ตรงจุด โดยหากลงทุนด้วยงบประมาณระดับนี้ตนมั่นใจว่าจะสามารถสร้าง Marketplace ระดับชาติได้ผ่านแอปพลิเคชันเดิมที่มีฐานข้อมูลผู้ใช้งานอยู่แล้ว เช่น เป๋าตัง, ทางรัฐ, กรุงไทย อันจะช่วยตอบโจทย์ในการพัฒนา SME ไทยได้มากกว่า พร้อมย้ำว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลต่อผู้ประกอบการ SME ไทยโดยตรง ดังนั้นจะต้องเร่งทำอย่างจริงจังด้วย