วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Thailand ‘s Industrial Future” ในงาน AMCHAM’s Member Luncheon ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจสำหรับผู้บริหารบริษัทที่เป็นสมาชิกของ AMCHAM ณ เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาฐานอุตสาหกรรมให้เกิดความยืดหยุ่น มีนวัตกรรมและยั่งยืน โดยรัฐบาลไทยมุ่งยกระดับมาตรฐานและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบให้โปร่งใสและง่ายขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนี้รัฐบาลกำลังจัดการกับปัญหาอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญควบคู่กับปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ขายในตลาดออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้เป็นมิตร คล่องตัวและโปร่งใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI และเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะและมีคุณภาพ
.
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ พลังงานสะอาด เช่น พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ.2065 ทั้งนี้รัฐบาลได้มอบสิทธิประโยชน์มีเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทยให้พัฒนาและเติบโตมากยิ่งขึ้น
.
สำหรับงาน AMCHAM’s Member Luncheon จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 200 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของ AMCHAM จำนวน 150 คน พร้อมด้วยนักเรียนระดับมหาวิทยาลัยในโครงการทุนการศึกษามูลนิธิหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย, นักเรียนระดับอาชีวศึกษา จำนวน 40 คน ซึ่งในปีนี้ได้มีการเชิญนายเอกนัฏ มากล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการรับทราบนโยบายและวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทยในอนาคตที่จะมีผลต่อการลงทุนของบริษัทในประเทศไทยด้วย
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาฐานอุตสาหกรรมให้เกิดความยืดหยุ่น มีนวัตกรรมและยั่งยืน โดยรัฐบาลไทยมุ่งยกระดับมาตรฐานและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบให้โปร่งใสและง่ายขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนี้รัฐบาลกำลังจัดการกับปัญหาอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญควบคู่กับปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ขายในตลาดออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้เป็นมิตร คล่องตัวและโปร่งใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI และเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะและมีคุณภาพ
.
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ พลังงานสะอาด เช่น พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ.2065 ทั้งนี้รัฐบาลได้มอบสิทธิประโยชน์มีเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทยให้พัฒนาและเติบโตมากยิ่งขึ้น
.
สำหรับงาน AMCHAM’s Member Luncheon จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 200 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของ AMCHAM จำนวน 150 คน พร้อมด้วยนักเรียนระดับมหาวิทยาลัยในโครงการทุนการศึกษามูลนิธิหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย, นักเรียนระดับอาชีวศึกษา จำนวน 40 คน ซึ่งในปีนี้ได้มีการเชิญนายเอกนัฏ มากล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการรับทราบนโยบายและวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทยในอนาคตที่จะมีผลต่อการลงทุนของบริษัทในประเทศไทยด้วย
