Skip to content
Home » เอาผิดหมดไม่สนหน้าไหน ‘เอกนัฏ’ ถือใบแจ้งความชี้แจงบประมาณ ชงพ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมแก้ปัญหาระยะยาว

เอาผิดหมดไม่สนหน้าไหน ‘เอกนัฏ’ ถือใบแจ้งความชี้แจงบประมาณ ชงพ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมแก้ปัญหาระยะยาว

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า
.
ตนเห็นตรงกับข้อเสนอแนะของทุกท่านว่า กากอุตสาหกรรมคือปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหาสำคัญของประเทศชาติ ซึ่งเรากำลังพูดถึงการปฏิรูปการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ต้อนรับนักลงทุนดีๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่สิ่งที่เราพบเห็น และที่สะเทือนต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และสังคมโลก คือภาพของกองขยะขนาดมหึมา ที่เป็นอนุสรณ์สถานทิ้งไว้เตือนใจให้กับคนไทย ตั้งแต่ตอนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
.
ผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศ ทั้งทุนต่างด้าว และกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นคนไทย และกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ร่วมขบวนการนี้อ้างตัวว่า เป็นคนรักโลก ทำธุรกิจคัดแยกจัดการขยะของเสีย หรือแปลงสภาพรีไซเคิลกลับมาเป็นของดี แต่สิ่งที่ตนและ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีต รมว.อุตสาหกรรม เห็นเช่นเดียวกันคือ ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการตามธุรกิจอย่างที่ตนเองสร้างภาพลักษณ์ที่ดีไว้
.
อีกทั้ง ตนเองเดินทางไปที่บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในพื้นที่อ.บ้านค่าย ซึ่งเราไปด้วยกันพบว่า บริษัทที่ควรจะทำประโยชน์ให้กับประเทศ แต่สภาพความเป็นจริงไม่เคยนำของเสียไปแปลงสภาพหรือบำบัดเลย กลับทิ้งไว้สร้างปัญหา และมลภาวะ ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง และบริษัท วิน โพรเสส เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดที่หนึ่งในประเทศไทย
.
นอกจากนี้ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจุดนี้จุดเดียว ยังมีที่จังหวัดอยุธยา และราชบุรี ซึ่งตนให้ความสำคัญมาก และคิดจะทำอุตสาหกรรมยุคใหม่ สร้างการลงทุนที่เป็นเม็ดเงินการลงทุนในธุรกิจดีๆ เข้ามา เราต้องกำจัดพิษ และไล่พิษ เพื่อกำจัดธุรกิจเหล่านี้ที่สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับประเทศไทยออกไป และเคลียร์สภาพปัญหาเหล่านี้ออกไปก่อน ให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า การทำธุรกิจประกอบอุตสาหกรรมต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกล่าวขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมา เพราะถ้าไม่พูดก็คงไม่เห็นปัญหาเหล่านี้ งบประมาณก็คงไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็น่ารันทดจริงๆ
.
“ผมสงสารประเทศ ผมสงสารกระทรวง บางทีผมก็สงสารตัวเอง ย้อนกลับไปดูตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2566 เราไม่เคยจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดการสิ่งเหล่านี้ไว้เลย จนกระทั่งมาปี 67 ยุคท่านรัฐมนตรีพิมพ์ภัทรา ก็ได้เริ่มเห็นความสำคัญ ตั้งงบไว้ 15 ล้านเท่านั้นเอง ซึ่งมูลค่าของปัญหาหลายขนาดรวมกันมูลค่าเป็นพันล้าน ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย มาปี 68 เราก็เพิ่มจาก 15 ล้านเป็น 18 ล้าน เพิ่มมาอีก 2 ล้าน น่าดีใจมาก“ นายเอกนัฏ กล่าว
.
ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะตนสู้เรื่องนี้มาตลอด ไปแถลงการณ์ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ตนก็ใช้โอกาส ใช้ทุกวินาที ทุกเวทีในการพูดเรื่องนี้ ให้สาธารณะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นปัญหาถึง และความสำคัญของเรื่องนี้ จนกระทั่งปีงบประมาณปี 69 เราได้งบประมาณเพิ่มเติมให้กับกรมโรงงานเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า จาก 17 ล้านบาท เป็น 140 ล้านบาท และมีการผูกพันงบประมาณไปในปีหน้าอีกกว่า 400 ล้านบาท จึงขอให้สบายใจว่า งบประมาณมีเพิ่มขึ้น และมีผูกพันไปถึงอนาคต และปัญหาที่เราพบจะได้รับการแก้ไข
.
นายเอกนัฏ ยืนยันว่า ที่มาของเงิน ไม่ได้มาจากงบประมาณประจำปีเท่านั้น เพราะก่อนหน้าเราไม่มีเงิน เราก็แปลงงบประมาณมาช่วยประชาชนในพื้นที่ก่อนด้วยวิธีต่างๆ และตั้งงบประมาณในการแก้ปัญหาทั้งปีนี้ และปีหน้าจึงขอให้มั่นใจว่าเราเคลียร์ได้ทั้งหมด รวมถึงของบกลางอีกกว่า 40 ล้านบาทในการเข้าจัดการถังสารเคมีเหล่านั้น และอีก 70 ล้านบาทที่จะจัดการปัญหาที่ จ.อยุธยาอีกด้วย
.
“เราต้องระมัดระวัง ไม่ให้การนำงบประมาณภาษีของประชาชน นำไปใช้ที่เหมือนเป็นการอุดหนุนจุนเจือกับกลุ่มธุรกิจสีเทาเหล่านี้ เพราะกลายเป็นว่าแทนที่เราจะนำเงินไปอุดหนุนเกษตรกร ถ้าเขาทำตัวไม่มีความรับผิดชอบ และเอาเงินพี่น้องประชาชนยากลำบากจากภาษีของประชาชนไปให้เขา โดยที่เขาไม่จัดการกับปัญหาของเขาเอง เท่ากับเป็นการไปจุนเจืออุดหนุนกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ฉะนั้นผมให้ความสำคัญกับการจับกุมปราบปรามกลุ่มสีเทาเหล่านี้มาก“ นายเอกนัฏ กล่าว
.
ตนขอให้มั่นใจว่า ต้องการการจับกุมไปจนถึงการดำเนินคดี เราไม่มีการปล่อยปละละเลย ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติม เราก็ขยายผลต่อ และไม่เคยละเลยต่อข้อมูลที่ทุกท่านให้มา เมื่อคืนได้ให้อุตสาหกรรมจังหวัดได้ไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 23.00 น. กับรถยนต์ที่ขนกากอุตสาหกรรมเมื่อวาน และจะนำสำนวนส่งให้กับ DSI ด้วย
.
ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับผู้กระทำผิดกฎหมายไทย เรามีศัตรูคนเดียวกัน และผมชวนท่านด้วยไม่ต้องไปกลัวใคร ผมทำงานตรงนี้ผมไม่เคยกลัวใคร ถึงจะถูกกดดันจากภายนอกภายในขนาดไหนผมมีภารกิจ มีหน้าที่ที่ต้องทำ ถ้าท่านมีข้อมูลเพิ่มเติมส่งมาได้เลยครับ ไม่ต้องเป็นตัวอักษรย่อ ส. ศ. หรือ ซ. บอกชื่อมาเลยว่ามันผู้นั้นเป็นใคร ใครที่อยู่เบื้องหลังขบวนการเหล่านี้ ตนจะจับให้หมด
.
นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ตนก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ไม่ใช่เอางบประมาณมาเททิ้ง ที่เป็นลักษณะการไปอุดหนุนจุนเจือธุรกิจเหล่านี้ ใบอนุญาตที่ออกไป และถูกนำไปกระทำผิด ตนจะระงับทั้งหมด ปิดประตูซะ ใครที่ทำผิดก็ต้องออกตรวจออกจับทั้งหมด ถ้าท่านยังทำผิดอยู่ หากท่านมีเงินมากขนาดไหน ท่านก็สามารถใช้เงินของท่านได้ในคุก อย่างบริษัทหนึ่งเข้าไปในคุกตายในคุก ก็ไปใช้เงินในนรก เพราะท่านกำลังทำธุรกิจ ที่เป็นพิษ และทำร้ายชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย ตนไม่ปล่อยปละละเลยไว้แน่
ส่วนไหนที่จะต้องใช้เงินเข้าไปจุนเจือตนก็ใช้ และใช้ด้วยความระมัดระวัง และบังคับใช้กฎหมายด้วย ตรงไหนที่ต้องแก้ก็ต้องแก้ จนไปถึงการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.จัดการกากอุตสาหกรรม ที่จะเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาจากอุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างเข้มงวด และถ้าเรามาช่วยกันก็จะสามารถขจัดพิษเหล่านี้ออกจากร่างกายของประเทศไทยไปได้ และในที่สุดเราก็สามารถต้อนรับกลุ่ม

ธุรกิจนักลงทุนดีๆ เข้าสู่ประเทศ เพื่อทำประโยชน์ให้กับสิทธิของประเทศ และประชาชนคนไทยได้
 
 
 
 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า