วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า
.
สำหรับงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงที่มีการเสนอมาทั้งสิ้นประมาณ 3.5 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นงบประมาณในส่วนของงบบุคลากร และเป็นงบสำหรับการพัฒนาผู้เรียนเพียงแค่ 25% เท่านั้นเอง
.
การศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นตัวกำหนดอนาคตของประเทศและอนาคตประชากรของประเทศ ในวันนี้ประเทศไทยได้มีการประยุกต์ใช้ระบบการศึกษาของประเทศต่าง ๆ มาปรับใช้ไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ หรือประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทย แต่เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่าระบบการศึกษาของประเทศไทยมีปัญหาอะไรบ้าง
.
ดังนั้นในวันนี้เราต้องยอมรับว่าไม่มีการเรียนการสอนแบบใดแบบหนึ่งที่เหมาะสมกับทุกคนได้ เพราะเด็กทุกคนล้วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การศึกษาไทยต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาให้เหมาะสมตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกระทรวงศึกษาธิการจะต้องปรับหลักสูตรให้เท่าทันด้วย และต้องมีการผสมผสานกับเอกลักษณ์ของประเทศไทย ที่มีรากเหง้าและมีวัฒนธรรมของตนเอง โดยมีความยืดหยุ่น และเอาผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมากที่สุด
.
ดังนั้นเราต้องตระหนักถึงแนวทางต่อไปนี้เพื่อทำให้การศึกษาเท่าทันโลกคือ
.
1.การศึกษาคือการลงทุนในมนุษย์ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่าย เพราะคนเหล่านี้จะเป็นผู้ที่สร้างชาติต่อไปในอนาคต
2.อาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องยกย่อง ให้มีเกียรติอย่างสูง เป็นครูต้องยาก และเงินเดือนต้องสูงเพื่อดึงดูดคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำหน้าที่เป็นครู
3.ครูต้องผ่านการอบรม และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
4.สร้างมาตรฐานโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศเพื่อเด็กไทยทุกคนไม่ใช่เพื่อคนบางกลุ่ม
5.ลดความสำคัญกับเกรดในการวัดความสำเร็จของการเรียน
.
และในยุทธศาสตร์ประกอบการพิจารณางบประมาณ ในเรื่องการเสริมสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพการศึกษา การเรียนรู้และศักยภาพของคนตลอดชีวิต ซึ่งในวันนี้มีหลายโครงการออกมามากมาย แต่พี่น้องประชาชนกลับถามตนว่าทำไมต้องมีการเรี่ยไรเงินเพื่อสร้างห้องน้ำโรงเรียน ทำไมต้องมีการระดมทุนเพื่อจ่ายเงินเดือนครูอยู่เลย
.
การที่บอกว่ามีนโยบายต่าง ๆ ทุกวันนี้เท่าเทียมกันจริงหรือไม่ วันนี้เรายังเห็นการเรียนพิเศษของเด็กแบบบ้าคลั่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นเนื้อหาที่เรียนไปแล้วในห้องเรียนด้วยซ้ำ จนมีสถิติว่าเด็กไทยเป็นเด็กที่ใช้เวลาเรียนมากที่สุดในโลก แต่ผลการทดสอบต่าง ๆ กลับสวนทางกับการเรียนมากที่สุดในโลก ผลการทดสอบต่าง ๆ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งสิ้น ผลการทดสอบภาษาอังกฤษคะแนนต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ด้วยซ้ำไป
.
แม้กระทั่งการเรียนภาษาที่ 2 ที่มีการเรียนในโรงเรียนต่างผิดฝาผิดตัวทั้งหมด โดยในธรรมชาติการเรียนการสอนภาษาที่ 2 ต้องเริ่มเรียนจากการพูดการฟังก่อน แต่ในการศึกษาไทยเราเรียนจากการเขียนก่อน จึงต้องมีการให้การเรียนการสอนภาษาที่สองเป็นวาระแห่งชาติ และยกเลิกการเรียนแกรมม่าในโรงเรียน หากไม่ทำเช่นนี้อีกไม่นานนับจากนี้เด็กไทยจะตกงานเพราะไม่มีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
.
สุดท้ายนี้ขอชื่นชมกระทรวงศึกษาที่ได้ยกเลิกครูเวร และดำเนินการคืนครูให้กับนักเรียน การประเมินต่าง ๆ ไม่ต้องใช้เอกสารมากมาย และการดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และขอฝากให้มีการยกเลิกการเงินพัสดุออกจากหน้าที่ของครูด้วย
