วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า
.
การจัดงบประมาณแบบขาดดุลนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะเป็นไปเพื่อพัฒนาประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีการจัดงบประมาณแบบขาดดุลมากกว่า 8 แสนล้านบาทแล้ว แต่ในส่วนของงบลงทุนยังต้องลดลงกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบลงทุนที่ลดลงนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนภาครัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่วนนี้ยังมีงบประมาณสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทมาทดแทนงบลงทุนของปีงบประมาณ 2569 ที่ลดลงไป
.
สำหรับในส่วนของงบกลางนั้น ตนมีข้อเสนอแนะผ่านไปยังกรมบัญชีกลางถึงงบประมาณสำหรับการรักษาพยาบาล ว่า การจ่ายค่ายาในโรงพยาบาลเอกชนแพงมาก จากค่ายาในโรงพยาบาลของรัฐประมาณ 30 บาท แต่ในโรงพยาบาลเอกชนสูงถึง 90 บาทซึ่งสูงมากกว่า 3 เท่า ตนจึงขอให้ทางกรมบัญชีกลางพิจารณาการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนด้วย
.
อีกส่วนหนึ่งที่ตนมีข้อเสนอแนะคืองดชดเชยค่าก่อสร้าง หรือ ที่ในวงการผู้รับเหมาก่อสร้างเรียกว่าค่า K ในการก่อสร้างแบบปรับราคาได้นั้นมีประมาณ 960 ล้านบาท จากที่ในส่วนนี้รับค้างจ่ายเอกชนรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเงินลงทุนของภาคเอกชนจำนวนมากจมอยู่ในส่วนการเบิกจ่ายนี้ ตนขอเสนอให้ทางรัฐบาลพิจารณากำหนดขอบเขตการชำระค่า K ให้เอกชนเพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง
.
สำหรับกระทรวงคมนาคมนั้นได้มีการจัดงบที่ดีขึ้นมากกว่าในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจัดสรรโครงการสำหรับผู้รับเหมาในแต่ละชั้น โดยในปีนี้มีการจัดสรรโครงการสำหรับผู้รับเหมาชั้นพิเศษประมาณ 60 โครงการวงเงิน 60,000 ล้านบาท ชั้น 1-1ก. นั้นมีวงเงินประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ชั้น 2-3 ประมาณ 2,000 ล้านบาท
.
สำหรับกรมทางหลวงชนบทตนขอเสนอให้มีการจัดทำถนน 4 เลนบริเวณคันคลองชลประทาน ลดการเวนคืนที่ดินพร้อมทั้งสามารถกระจายความเจริญบริเวณทั้งสองฝั่งคลองได้ โดยเฉพาะคันคลองมหาสวัสดิ์ตั้งแต่พื้นที่ตำบลท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มาที่โรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
.
และต้องขอขอบคุณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่บริหารจัดการน้ำได้ค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ดีตนมีข้อเสนอให้ช่วงที่มีการซ่อมแซมระบบขนส่งน้ำนั้นสอดคล้องกับช่วงที่ไม่มีการใช้น้ำของประชาชน และทางกรมประมงควรมีการปล่อยปลาลงในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศรวมทั้งปลาธรรมชาติ นอกจากนี้พี่น้องประชาชนชาวไร่อ้อยขอให้ทางคณะรัฐมนตรีได้ติดตามกรณีเงินอุดหนุนการตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตัน เนื่องจากได้มีการรอเงินอุดหนุนจำนวนนี้มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
.
สุดท้ายนี้ตนขอสนับสนุนในส่วนของงบประมาณของรัฐสภา ที่จะมีการจัดที่จอดรถเพิ่มเติม รวมถึงการปรับปรุงศาลาแก้ว และการจัดทำโรงภาพยนตร์ 4D สำหรับการศึกษาดูงาน แต่ต้องฝากให้ทางรัฐสภาใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
