วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า
.
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 3.78 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งที่ตนได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีในครั้งแรก คือปีงบประมาณ 2532 ในปีนั้นมีงบประมาณรายจ่าย 2.5 แสนล้านบาท งบประมาณของประเทศมีการเติบโตมาตามลำดับ
.
แต่ตัวเลขงบประมาณที่มากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมามีการเติบโตเพียงร้อยละ 0.7 จากปีที่ผ่านมา สำหรับงบรายจ่ายประจำและงบลงทุนล้วนแต่ลดลงจากปีที่แล้ว งบที่สูงขึ้นคืองบรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ซึ่งเป็นเงินเก็บออมของประเทศมีการชดใช้ในปีนี้มากกว่า 1.23 แสนล้านบาท ทั้งที่ปีก่อน ๆ ไม่มีงบประมาณนี้
.
ที่ตนเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งคือการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่มีการขยายตัวร้อยละ 2.3-3.3 โดยมาจากการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก แต่งบลงทุนภาครัฐไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว และการบริโภคภาคประชาชนก็ยังมีแนวโน้มหดตัว หรือการท่องเที่ยวหลายภาคส่วนก็ยังแจ้งว่าน่าเป็นห่วง ดังนั้นการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจึงมีโอกาสที่จะไม่เป็นไปตามนั้น
.
แต่ก็มีการวิเคราะห์นี้ได้มี 2 ข้อกังวลว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าเนื่องจาก การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งตกลงไปแล้วจากคำพิพากษาของศาลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ตัดสินให้การขึ้นภาษีเป็นโมฆะไป แต่อีกหนึ่งข้อกังวลยังไม่จบไปคือการผันผวนของภาคการเกษตรซึ่งยังไม่จบไป
.
ผู้แทนราษฎรบ้านนอกแบบตน และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ้านนอกทุกคนต่างกังวลเรื่องของราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ที่รัฐบาลจะต้องหาแนวทางป้องกันการผันผวนในราคาสินค้าภาคการเกษตรซึ่งตนเห็นว่ามีทางเดียวที่จะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ คือการประกันราคาสินค้าทางการเกษตร แต่ในวันนี้รัฐบาลไม่มีนโยบายการประกันราคา
.
ในวันนี้ที่ภาคใต้ต่างประสบปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากจะแก้ปัญหาด้วยการใช้งบประมาณเข้าไปพยุงราคาเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่การแก้ปัญหาอย่างถาวรนั้นจะต้องทำอย่างเป็นระบบ โดยตนได้ติดตามการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะมีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยปาล์มและปาล์มน้ำมัน ที่ใช้โครงสร้างเดียวกับกฎหมายน้ำตาลและอ้อย ที่เป็นหลักประกันในการแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์ระหว่างผู้ผลิตสินค้าและเกษตรกรผู้ปลูก
.
เรื่องสุดท้าย คือ เรื่องของความมั่นคง นั้นต้องฝากรัฐบาลติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยไม่ใช่สถานการณ์ปกติ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายต่อการรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ ตนเชื่อว่าทหารของประเทศไทยที่อาจจะต้องแลกเอาชีวิตกับอธิปไตยของชาติ ทหารเหล่านี้กำลังจะพิสูจน์ว่าทหารมีไว้ทำไม แต่อย่างไรก็ตามการรักษาอำนาจอธิปไตยที่ดีที่สุดคือการรักษาความสามัคคีภายในประเทศ
