วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า ตนขอมุ่งเป้าอภิปรายไปที่ประเด็นด้านการเกษตร ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย เพราะอาชีพเกษตรกรรม เป็นรากฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังเป็นอาชีพหลักที่พ่อแม่พี่น้องยึดถือเลี้ยงชีพกันมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันกลับพบเรื่องน่าเศร้าที่ต้องยอมรับว่า เกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา, ชาวสวนปาล์ม, ยางและทุเรียน ต่างประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำมาโดยตลอด จนเป็นที่ทุกข์ใจและลำบากใจของเกษตรกร ซึ่งตนเคยเรียกร้องไปแล้วหลายครั้งให้รัฐบาลเข้ามาดูแลและแก้ปัญหา
.
นายวิชัย ได้ยกตัวอย่างราคาปาล์ม ที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3.80 บาท แต่กลับขายได้แค่ 4.20 บาท ซึ่งทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ตนจึงขอฝากเรื่องการลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการแสวงหาแหล่งพลังงานทางเลือก ที่จะช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรได้อย่างมาก อันเป็นสิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้พยายามทำมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพัฒนาระบบโซลาร์เซลล์
.
ทั้งนี้ในงบประมาณปี 2569 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีหน้าที่ดูแลเกษตรกรโดยตรง ได้รับการจัดสรรงบถึง 35,000 ล้านบาท ตนจึงขอย้ำว่า งบประมาณดังกล่าวเพียงพอที่จะดูแลและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งนอกจากต้องดูแลโครงการต่าง ๆ การมีประกันรายได้แล้ว รัฐบาลต้องมุ่งหาทางลดต้นทุนการผลิตทั้งหมด รวมทั้งเข้ามาแก้ปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำอย่างจริงจัง และปัญหาอื่น ๆ เช่น การสวมสิทธิ์ทุเรียน, ปัญหาน้ำมันยาง เพราะเกษตรกรรอคอยการช่วยเหลือนี้อยู่
.
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่รัฐต้องเข้ามาจัดการ โดยเฉพาะใน จ.ชุมพร ที่มีปัญหานี้ในหลายอำเภอ เช่น อ.สวี, อ.เมือง และอ.ท่าแซะ ซึ่งตนขอฝากให้รัฐบาลเข้ามาเร่งจัดการโดยด่วนด้วย พร้อมย้ำว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาต้องใช้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์และส่งผลดีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อแม่พี่น้องและประเทศชาติอย่างแท้จริง
