วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงเบื้องหลังการปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ที่ผ่านมาได้พูดถึงการตรวจจับโรงงานผิดกฎหมายมาบ่อยครั้ง แต่ในวันนี้ตนขอพูดถึงเบื้องหลังการออกแบบระบบ แก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เดินหน้าทำทุกอย่างทันที โดยแทบไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน
.
โดยย้อนกลับไปในช่วง 7 เดือนแรกที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ ได้ประกาศจะ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ซึ่งทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็นกันในยุคของนายเอกนัฏ ผ่านการที่นายเอกนัฏ เดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยและแจ้งเบาะแสผู้ที่กระทำผิด อันเห็นได้จากทั้งการเดินหน้าปราบปรามอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ ทุนจีนและทุนไทยเทาที่ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก
.
นายพงศ์พล กล่าวว่า ผลงานทั้งหมดเกิดมาจากการวางระบบในการทำงาน ทั้งระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน ที่ดำเนินการมาเป็นอย่างดี
.
ในส่วนของระบบหลังบ้าน คือ ทีมสุดซอย ที่เป็นหน่วยตรวจม้าเร็ว แก้ปัญหาจากส่วนกลาง ตรวจข้อร้องเรียนจากชาวบ้านที่ส่งเรื่องมาด้วยความเข้มข้น ไม่มีประนีประนอม ทั้งยังมีความชำนาญ รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้กระทำผิดในทุกขบวนการ ที่สำคัญ ในทุกการเข้าตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ส่งผลให้ไม่มีการเคลียร์ที่ทาง ไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย และไม่มีระบบอุปถัมภ์ หรือเรียกได้ว่า ถูกคือถูก ผิดคือผิด ทำงานทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใสและกระบวนการทางกฎหมาย
.
ทั้งนี้ “ทีมสุดซอย” ดังกล่าวนำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
.
ส่วนระบบหน้าบ้าน คือ ระบบแจ้งอุต ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นส่วนสำคัญในการรับเรื่องร้องเรียนผ่านไลน์ ระบบเดียวกับ “ทราฟฟี่ฟองดู” ที่ผู้ร้องเรียนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนพร้อมพิกัดตำแหน่งโรงงานมาผ่านทางระบบแจ้งอุต ได้ทันที โดยระบบจะส่งเรื่องต่อให้ทีมหลังบ้าน คือ “ทีมสุดซอย” เข้าไปดำเนินการพร้อมทั้งรายงานผลให้ผู้ร้องทราบแบบเรียลไทม์ โดยจะมีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร้องอย่างเต็มที่
.
นายพงศ์พล กล่าวต่อว่า การปรับระบบร้องเรียนจากรวมศูนย์เป็นการกระจายออกสู่มือถือของทุกคน เท่ากับเป็นการยื่นอำนาจให้ทุกคนได้มีส่วนในการตรวจสอบโรงงาน, ผู้กระทำผิด หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบกับระบบราชการ ที่หลายครั้งก็พบว่าเป็นต้นทางของปัญหาต่าง ๆ
.
โดยที่ผ่านมาพบว่ามีเรื่องร้องเรื่องใน “แจ้งอุต” เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า รวมแล้วมากถึง 615 เรื่องในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นตัวเลขมากกว่าตัวเลขปกติที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะรับเรื่องร้องเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เรื่องต่อปี ขณะที่สถิติการตอบกลับของเจ้าหน้าที่ก็รวดเร็ว โดยใช้เวลาตอบกลับเฉลี่ย 1 ชั่วโมง และสามารถแก้ปัญหาเสร็จเฉลี่ย 14 วันต่อหนึ่งเคส
.
ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยีรับเรื่องยังถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ เพราะมีระบบการให้คะแนน หากแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ซึ่งทำให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่อยู่ในพื้นที่ที่ไกลออกไปสามารถมีผลงานทั้งของตนและของหน่วยงานได้ ผู้บังคับบัญชาก็จะเห็นผลลัพธ์และความตั้งใจในการทำงาน เกิดการแข่งขันที่ดีในองค์กร มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนและตำแหน่งแทนที่การใช้ระบบอุปถัมภ์
.
“ภารกิจสำคัญของนายเอกนัฏ และทีมสุดซอยจะทำไม่สำเร็จ ถ้าไม่ได้ทุกคน ทั้งข้าราชการ, พ่อแม่พี่น้องชาวบ้านเข้ามาเป็นแนวร่วมในการเดินหน้าทำลายอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย
ย
.
โดยย้อนกลับไปในช่วง 7 เดือนแรกที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ ได้ประกาศจะ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ซึ่งทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็นกันในยุคของนายเอกนัฏ ผ่านการที่นายเอกนัฏ เดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยและแจ้งเบาะแสผู้ที่กระทำผิด อันเห็นได้จากทั้งการเดินหน้าปราบปรามอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ ทุนจีนและทุนไทยเทาที่ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก
.
นายพงศ์พล กล่าวว่า ผลงานทั้งหมดเกิดมาจากการวางระบบในการทำงาน ทั้งระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน ที่ดำเนินการมาเป็นอย่างดี
.
ในส่วนของระบบหลังบ้าน คือ ทีมสุดซอย ที่เป็นหน่วยตรวจม้าเร็ว แก้ปัญหาจากส่วนกลาง ตรวจข้อร้องเรียนจากชาวบ้านที่ส่งเรื่องมาด้วยความเข้มข้น ไม่มีประนีประนอม ทั้งยังมีความชำนาญ รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้กระทำผิดในทุกขบวนการ ที่สำคัญ ในทุกการเข้าตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ส่งผลให้ไม่มีการเคลียร์ที่ทาง ไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย และไม่มีระบบอุปถัมภ์ หรือเรียกได้ว่า ถูกคือถูก ผิดคือผิด ทำงานทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใสและกระบวนการทางกฎหมาย
.
ทั้งนี้ “ทีมสุดซอย” ดังกล่าวนำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
.
ส่วนระบบหน้าบ้าน คือ ระบบแจ้งอุต ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นส่วนสำคัญในการรับเรื่องร้องเรียนผ่านไลน์ ระบบเดียวกับ “ทราฟฟี่ฟองดู” ที่ผู้ร้องเรียนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนพร้อมพิกัดตำแหน่งโรงงานมาผ่านทางระบบแจ้งอุต ได้ทันที โดยระบบจะส่งเรื่องต่อให้ทีมหลังบ้าน คือ “ทีมสุดซอย” เข้าไปดำเนินการพร้อมทั้งรายงานผลให้ผู้ร้องทราบแบบเรียลไทม์ โดยจะมีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร้องอย่างเต็มที่
.
นายพงศ์พล กล่าวต่อว่า การปรับระบบร้องเรียนจากรวมศูนย์เป็นการกระจายออกสู่มือถือของทุกคน เท่ากับเป็นการยื่นอำนาจให้ทุกคนได้มีส่วนในการตรวจสอบโรงงาน, ผู้กระทำผิด หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบกับระบบราชการ ที่หลายครั้งก็พบว่าเป็นต้นทางของปัญหาต่าง ๆ
.
โดยที่ผ่านมาพบว่ามีเรื่องร้องเรื่องใน “แจ้งอุต” เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า รวมแล้วมากถึง 615 เรื่องในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นตัวเลขมากกว่าตัวเลขปกติที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะรับเรื่องร้องเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เรื่องต่อปี ขณะที่สถิติการตอบกลับของเจ้าหน้าที่ก็รวดเร็ว โดยใช้เวลาตอบกลับเฉลี่ย 1 ชั่วโมง และสามารถแก้ปัญหาเสร็จเฉลี่ย 14 วันต่อหนึ่งเคส
.
ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยีรับเรื่องยังถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ เพราะมีระบบการให้คะแนน หากแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ซึ่งทำให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่อยู่ในพื้นที่ที่ไกลออกไปสามารถมีผลงานทั้งของตนและของหน่วยงานได้ ผู้บังคับบัญชาก็จะเห็นผลลัพธ์และความตั้งใจในการทำงาน เกิดการแข่งขันที่ดีในองค์กร มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนและตำแหน่งแทนที่การใช้ระบบอุปถัมภ์
.
“ภารกิจสำคัญของนายเอกนัฏ และทีมสุดซอยจะทำไม่สำเร็จ ถ้าไม่ได้ทุกคน ทั้งข้าราชการ, พ่อแม่พี่น้องชาวบ้านเข้ามาเป็นแนวร่วมในการเดินหน้าทำลายอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย
ย
