วันที่ 10 เมษายน 2568 นายสัญญา นิลสุพรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครสวรรค์ เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน เปิดเผยว่าคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ได้มีการพิจารณาติประเด็นปัญหาด้านภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของ สตง. จากเหตุอาคารสำนักงาน สตง. (แห่งใหม่) ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว
.
เนื่องจากเป็นประเด็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน และได้รับความสนใจในวงกว้าง นอกจากนี้ ประเด็นปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของ สตง. ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ โดยนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มอบหมายให้นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ และนางพิมพา วภักดิ์ดี รองผู้ว่าการ
ตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ
.
ในการประชุมดังกล่าว คณะกรรมาธิการได้มีการชักถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง. ตั้งแต่การออกแบบ การจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง และการควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
.
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยังได้สอบถึงความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุตึกถล่ม การกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
.
การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. (แห่งใหม่) พบว่า สตง. ได้มีการว่าจ้างตั้งแต่ขั้นตอนการ
ออกแบบอาคาร โดยบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด วงเงิน 73 ล้านบาท ซึ่งในประเด็นการออกแบบคณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตว่าได้ออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหวตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยเห็นว่าควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมตรวจสอบการออกแบบว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ นอกจากนี้ ได้สอบถามถึงการแก้ไขสัญญารวม 9 ครั้ง เนื่องจากปัญหาแบบงานโครงสร้างด้านวิศวกรรมขัดกับงานสถาปัตยกรรม เช่น การแก้ไข Core Lift การปรับแก้รูปแบบ Core Wall เป็นต้น
.
ซึ่งทุกกรณีได้มีการหารือไปยังผู้ออกแบบทุกครั้ง ทั้งนี้ สตง. ยืนยันไม่มีการแก้ไขโครงสร้างเสาให้มีขนาดเล็กลง และยืนยันว่าอาคารสำนักงานแห่งใหม่มีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบัน สตง. ไม่มีสำนักงานของตนเอง ซึ่งตึกสร้างใหม่ดังกล่าวจะรองรับข้าราชการ จำนวน 2,400 คน รวมถึงรองรับผู้แทนขององค์กรตรวจเงินแผ่นดินต่างประเทศด้วย
.
สำหรับการก่อสร้างได้จัดหาผู้รับจ้างตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 ด้วยวิธี e-bidding โดยผู้ชนะการประกวดราคา ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไอที่ดี – ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไซน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากเป็นผู้เสนอด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท ซึ่ง สตง. ได้กำหนดในสัญญาจ้างให้ผู้รับจ้างก่อสร้างทำประกันภัยครอบคลุมวงเงินทั้งหมดของสัญญาซึ่งในประเด็นการก่อสร้างอาคาร คณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตถึงการตรวจสอบคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้รับจ้าง เพื่อป้องกันปัญหากรณีการขาดสภาพคล่องทางการเงิน และปัญหาการทิ้งงาน เป็นต้น
.
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงคุณสมบัติของวัสดที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น คุณสมบัติของเหล็กและคอนกรีตที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่ง สตง. ชี้แจงว่าเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างได้มาตรฐาน มอก. และมีการทดสอบ
แรงตึงและการดัดโครงของเหล็กผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยผู้ออกแบบให้ความเห็นว่าสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างได้
.
ประเด็นการควบคุมงาน ได้มีการว่าจ้างกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์
จำกัด ร่วมค้าหลัก เข้าร่วมค้ากับบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เค พี คอนซัลแทนส์ แอนด์ เม้นท์ จำกัด) โดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งคณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตถึงการควบคุมงานก่อสร้างของบริษัทผู้ควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งสอบถามถึงความรับผิดชอบของบริษัทดังกล่าว
