วันที่ 29 ม.ค.2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมพ.ศ… ว่า ถือนิมิตหมายที่ดีที่ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ได้นำเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน เป็นเหมือนของขวัญวันตรุษจีนก็ว่าได้ โดยตนเห็นด้วย และสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วมฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาในสภา เพราะว่า ปัจจุบันผู้โดยสารสาธารณะต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากมายในการเดินทาง และต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งการใช้ระบบตั๋วหลายใบทำให้เกิดปัญหา ไม่ว่าจะโดยสารรถเมล์รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ควรจะมีระบบตั๋วร่วมตั้งนานแล้ว เพราะว่าวันนี้ต่างประเทศหลายประเทศต่างใช้ระบบตั๋วร่วมทั้งนั้น เพราะว่าเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดสะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการเดินทางต่อครั้ง
.
นอกจากนี้ นายธนกร กล่าวว่า ระบบตั๋วร่วมยังช่วยแก้ปัญหาจราจรด้วย เพราะคนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลงอย่างแน่นอน เพราะว่าถ้าเชื่อมระบบตั๋วร่วมทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ก็ไม่ต้องใช้รถส่วนตัว รวมถึงช่วยแก้ปัญหาลดจำนวน PM 2.5 ลงด้วย สังเกตว่า1-2 วันนี้ต้องยอมรับว่า PM 2.5 ในกรุงเทพฯลดลง จากก่อนหน้านี้ปัญหารุนแรงมาก โดยตน ไม่ทราบว่าผู้ว่าฯกทม.ได้แก้ปัญหานี้อย่างไรบ้าง ช่วงหาเสียงนั้นพูดถึงการแก้ปัญหามีทั้งหมด แต่พอมาถึงสถานการณ์ปัญหาจริง ๆไม่มีการเตรียมความพร้อมเลย
.
ทั้งนี้การใช้ประโยชน์ของตั๋วร่วม จะต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัย ต้องมีความยุติธรรมในการแบ่งผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมของรัฐและเอกชน โดยสารรถไฟหลายสายนั้นมีค่าแรกเข้าที่ซ้ำซ้อน ซึ่งจะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้เพราะถ้ายังมีการเก็บค่าแรกเข้าของการใช้บริการรถสาธารณะซับซ้อน ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้เวลา และใช้งบประมาณ โดยจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน ไม่เช่นนั้นก็ทำไม่ได้ ระบบตั๋วร่วมก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นการออกกฎหมายฉบับนี้ ต้องกำหนดกลไกการควบคุมกำกับดูแลที่เข้มแข็งและให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินการต้องมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
.
“ระบบตั๋วร่วมถือว่ามีความท้าทายที่สำคัญอยู่ 2 ประการ ประการแรก คือภาระของผู้ประกอบการ ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและสุดท้ายภาระก็ตกอยู่กับผู้บริโภคนั่นคือพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น รัฐบาลก่อนจะทำระบบตั๋วร่วม ก็ไปดูว่าจะต้องเยียวยาหรือต้องมีระบบอย่างไร ส่วนเรื่องเทคโนโลยีและบุคลากร ในร่างกฎหมายฉบับนี้ควรมีความพร้อมและคำนึงถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผมคิดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ จะนำไปสู่ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายได้ เชื่อว่านโยบายนี้แม้เป็นนโยบายของรัฐบาล แม้ว่าประกาศไปแล้วอาจจะช้าหน่อยไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นว่าท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะทำเรื่องนี้สำเร็จอย่างแน่นอนและเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนรอคอยอยู่ ไม่ว่าจะช้าจะเร็วเชื่อว่าสำเร็จ” นายธนกร ย้ำ
.
