นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติและคณะ เสนอร่าง พรบ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตฯ เพื่อพัฒนาระบบการคิดคำนวณข้อมูลเครดิตใหม่ที่สะท้อนความเป็นจริง ให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้โดยสะดวก เป็นธรรม และลดปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ ร่างพระราชบัญญัตินี้มีหลักการให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 เนื่องจากรัฐได้ออกมาตรการเพื่อยับยั้งภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงปี พ.ศ. 2563 – 2564 ทำให้ประชาชนไม่สามารถประกอบสัมมาอาชีพได้ตามปกติ เกิดการผิดนัดชำระหนี้จำนวนมาก หนี้ครัวเรือนสูงสะสมต่อเนื่อง ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว มีความจำเป็นต้องพัฒนาระบบการคิดคำนวณข้อมูลเครดิตใหม่ที่สะท้อนความเป็นจริง สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้โดยสะดวก เป็นธรรม และลดปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินี้ มีดังต่อไปนี้
.
1. แก้ไขนิยาม “คะแนนเครดิต” และ “ธุรกิจข้อมูลเครดิต” เพื่อให้บริษัทข้อมูลเครดิตประมวลผลข้อมูลเครดิตออกมาเป็นคะแนนให้แก่สถาบันการเงิน
2. กำหนดให้เจ้าของข้อมูลเครดิตตรวจสอบข้อมูลของตนได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม (ประชาชนขอตรวจเครดิตบูโรของตนเองได้ฟรี)
3. เพิ่มสิทธิของเจ้าของข้อมูลเครดิตที่จะรับรู้การเปิดเผยข้อมูลหรือคะแนนเครดิตของบริษัทข้อมูลเครดิตแก่สถาบันการเงินต่าง ๆ และหลักเกณฑ์ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสินเชื่อของสถาบันการเงินเมื่อใช้คะแนนเครดิตประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ (ประชาชนรู้ว่ามีใครตรวจเครดิตบูโรของตน และสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยอย่างไรจากเครดิตบูโรของตน)
4. เพิ่มสิทธิเจ้าของข้อมูลเครดิตที่จะขอให้ทำลายข้อมูลสำหรับบัญชีที่หนี้ระงับแล้ว บัญชีที่เคยค้างชำระและกลับมาชำระหนี้ได้เป็นปกติเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน และบัญชีที่หนี้ขาดอายุความ หรือหลุดพ้นจากการล้มละลาย และกำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตมีระบบทำลายข้อมูลข้างต้น (ประชาชนขอให้ลบข้อมูลเครดิตบูโรได้ สำหรับข้อมูลสินเชื่อที่ปิดไปแล้ว สินเชื่อที่กลับมาจ่ายตรงเวลาได้ 180 วันติดต่อกัน สินเชื่อที่ขาดอายุความฟ้องคดี หรือสินเชื่อที่หลุดพ้นจากการล้มละลายแล้ว)
5. กำหนดระยะเวลาดำเนินการเพื่อขอตรวจสอบ ขอแก้ไข ขอรับรู้ หรือขอทำลายข้อมูลของตนที่มีอยู่กับบริษัทข้อมูลเครดิตหรือสถาบันการเงิน และแจ้งผลดำเนินการภายในสามสิบวัน (ประชาชนขอตรวจสอบ แก้ไข รับรู้ หรือลบข้อมูลเครดิตบูโร สถาบันการเงินและเครดิตบูโรต้องแจ้งผลการดำเนินการใน 30 วัน)
6. กำหนดมิให้นำข้อมูลผิดนัดชำระหนี้ระหว่างช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาประมวลคะแนนเครดิต (ไม่นำข้อมูลค้างชำระหนี้ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ถึง 1 ตุลาคม 2565 เพราะโรคโควิด 19 ระบาด มารวมในเครดิตบูโร)
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินี้ มีดังต่อไปนี้
.
1. แก้ไขนิยาม “คะแนนเครดิต” และ “ธุรกิจข้อมูลเครดิต” เพื่อให้บริษัทข้อมูลเครดิตประมวลผลข้อมูลเครดิตออกมาเป็นคะแนนให้แก่สถาบันการเงิน
2. กำหนดให้เจ้าของข้อมูลเครดิตตรวจสอบข้อมูลของตนได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม (ประชาชนขอตรวจเครดิตบูโรของตนเองได้ฟรี)
3. เพิ่มสิทธิของเจ้าของข้อมูลเครดิตที่จะรับรู้การเปิดเผยข้อมูลหรือคะแนนเครดิตของบริษัทข้อมูลเครดิตแก่สถาบันการเงินต่าง ๆ และหลักเกณฑ์ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสินเชื่อของสถาบันการเงินเมื่อใช้คะแนนเครดิตประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ (ประชาชนรู้ว่ามีใครตรวจเครดิตบูโรของตน และสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยอย่างไรจากเครดิตบูโรของตน)
4. เพิ่มสิทธิเจ้าของข้อมูลเครดิตที่จะขอให้ทำลายข้อมูลสำหรับบัญชีที่หนี้ระงับแล้ว บัญชีที่เคยค้างชำระและกลับมาชำระหนี้ได้เป็นปกติเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน และบัญชีที่หนี้ขาดอายุความ หรือหลุดพ้นจากการล้มละลาย และกำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตมีระบบทำลายข้อมูลข้างต้น (ประชาชนขอให้ลบข้อมูลเครดิตบูโรได้ สำหรับข้อมูลสินเชื่อที่ปิดไปแล้ว สินเชื่อที่กลับมาจ่ายตรงเวลาได้ 180 วันติดต่อกัน สินเชื่อที่ขาดอายุความฟ้องคดี หรือสินเชื่อที่หลุดพ้นจากการล้มละลายแล้ว)
5. กำหนดระยะเวลาดำเนินการเพื่อขอตรวจสอบ ขอแก้ไข ขอรับรู้ หรือขอทำลายข้อมูลของตนที่มีอยู่กับบริษัทข้อมูลเครดิตหรือสถาบันการเงิน และแจ้งผลดำเนินการภายในสามสิบวัน (ประชาชนขอตรวจสอบ แก้ไข รับรู้ หรือลบข้อมูลเครดิตบูโร สถาบันการเงินและเครดิตบูโรต้องแจ้งผลการดำเนินการใน 30 วัน)
6. กำหนดมิให้นำข้อมูลผิดนัดชำระหนี้ระหว่างช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาประมวลคะแนนเครดิต (ไม่นำข้อมูลค้างชำระหนี้ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ถึง 1 ตุลาคม 2565 เพราะโรคโควิด 19 ระบาด มารวมในเครดิตบูโร)