UTN New Gen : ‘วินท์ สุธีรชัย’ ผู้ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมเหล็กไทย สู่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง
.
‘วินท์ สุธีรชัย’ เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เติบโตที่ย่านฝั่งธนบุรี ในครอบครัวนักธุรกิจวงการเหล็ก การศึกษาเริ่มต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก และ NIST International School จากนั้นใช้ชีวิตมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับมหาวิทยาลัย ที่สหรัฐอเมริกา เป็นเวลากว่า 7 ปี ครั้นเมื่อจบการศึกษาก็เริ่มต้นชีวิตการทำงานในแวดวงธุรกิจสืบทอดจากครอบครัว ‘วินท์’ ได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน และผันตัวออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง จากท่อเหล็กสำหรับยานยนต์ รวมไปถึงโรงเหล็กรีดร้อน ปัจจุบันเป็นผู้บริหารกิจการโรงเหล็กที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
.
“ช่วงอายุ 24-25 ปี หลังกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ก็ได้มองว่า จุดสูงสุดในการทำธุรกิจเกี่ยวกับเหล็ก คือ การทำโรงเหล็กรีดร้อน ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นต้นน้ำสูงสุด จึงตั้งเป้าการทำโรงเหล็กรีดร้อน ใช้เงินทุนสูงมากหลักหมื่นล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าช่วงอายุ 50 ปีปลาย ๆ จะทำได้สำเร็จ แต่ด้วยจังหวะชีวิตและโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามา ทำให้สามารถตั้งโรงเหล็กรีดร้อนได้สำเร็จในวัย 31 ปี ที่ชื่อว่า บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด ปัจจุบันยังคงดำเนินการธุรกิจอยู่ ซึ่งเริ่มต้นด้วยตนเอง ทั้งการร่างโครงการ คัดสรรทีมงานต่าง ๆ และเมื่อความฝันสูงสุดของตัวเองทำได้สำเร็จ จึงอยากที่จะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ช่วยแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่างในสังคม และร่วมสานฝันของคนอื่น ๆ โดยเริ่มต้นจากการเมือง ถ้าไม่เข้าสู่การเมืองก็คงไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” วินท์ ตอบคำถามการเข้าสู่เส้นทางการเมือง
.
เมื่อถามถึงจุดที่มาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนได้เห็นการทำงานและแนวคิดการทำงาน พบว่าผู้ใหญ่ของพรรคนี้แต่ละท่านนั้นมือสะอาด และเมื่อได้ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนสัมผัสถึงความใส่ใจในการพัฒนาชาติ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่มีซ่อนเร้น โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ด้วยท่านเคยเป็นอดีตผู้พิพากษา การทำงานต่าง ๆ ของท่าน จะมีการตรวจสอบให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้คนทำงานอย่างเรา มีความรู้สึกสบายใจ ว่าทำงานไปแล้วไม่มีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย แล้วการที่อยู่ตรงนี้จึงทำงานได้อย่างสบายใจ
.
ในฐานะคนรุ่นใหม่ สิ่งที่เห็นในความเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ การทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหลายท่าน ไปทำงานอยู่ที่ตึกเอ็นโก้ ของ ปตท. เป็นพื้นที่ที่กระทรวงพลังงานไปเช่าทำการ แต่ในมุมมองของ นายพีระพันธุ์ มองว่า ถ้ากระทรวงพลังงาน จะต้องไปทำการควบคุม ปตท. เพื่อนำผลประโยชน์มาให้ประเทศชาติ ก็ไม่ควรไปทำงานในพื้นที่ของบริษัทดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการกลับมาใช้พื้นที่บ้านพิบูลธรรม ที่ตั้งดั้งเดิมของกระทรวงพลังงาน โดยนำเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเอง ไม่ไปรบกวนหรือพึ่งพาภาษีประชาชน ใช้เงินส่วนตัวในการทำสถานที่ทำงานของตัวเอง ทำให้ส่วนตัวมีความประทับใจ และสร้างมั่นใจในการทำงานเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานราคาถูก แม้ที่ผ่านมาจะมีแรงกดดันจากหลายฝ่าย แต่นายพีระพันธุ์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนั้น
.
ในมุมมองทีมเศรษฐกิจ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘วินท์’ มองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ซบเซา แม้แต่จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงยุโรปก็ดี ล้วนก็มีปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งสิ้น ซึ่งเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด ทำให้เกิดการขาดรายได้ และก่อให้เกิดหนี้สินครัวเรือนอย่างมหาศาลทุกประเทศทั่วโลก เมื่อหนี้ครัวเรือนมีสูง ธนาคารจึงไม่ยอมปล่อยกู้ให้กับประชาชน ที่ต้องการซื้อบ้าน รถ ต้องการจะลงทุนในด้านเศรษฐกิจ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ยังไม่ฟื้นสู่สถานการณ์ปกติ ภาคธุรกิจต่าง ๆ ชะลอตัว
.
ในส่วนของวงการอุตสาหกรรม ถ้าต้องมีการพัฒนาไปข้างหน้า ‘วินท์’ มองว่า มองภาพไว้คล้าย ๆ กับประเทศสิงคโปร์ ที่เริ่มต้นจากการสร้างเกาะจูล่ง ในการพัฒนาและสร้างตัวเองให้เป็นจุดกลั่นน้ำมันของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อมีเกาะจูล่งในการรองรับอุตสาหกรรมปลายน้ำของน้ำมัน โดยมีส่วนที่ทำพลาสติก ปิโตรเคมี หนังเทียมได้ จึงมีการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีการสร้างงานมหาศาล เงินเดือนสูง ซึ่งใช้บุคลากรจำนวนมาก เช่น วิศวกร ช่างเทคนิค เป็นต้น
.
“มีแนวคิดแล้วว่า หากมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เปรียบได้ว่า ในโรงแรมดี ๆ แค่หนึ่งโรงแรม พนักงานที่ได้เงินเดือนระดับสูงมีเพียงไม่กี่คน จึงขอให้มีการมุ่งเน้นพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมก่อนในช่วงแรก โดยเฉพาะในเรื่องของปิโตรเคมี งาน เงิน จะค่อนข้างดี ต่างประเทศย่อมสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศก็เติบโต รวมถึงการมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกรที่เติบโตมาจากอุตสาหกรรมดังกล่าวจำนวนมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งอุตสาหกรรมที่ดำเนินการเริ่มไม่ค่อยดี กระทบกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จึงต้องมีการรณรงค์เกิดขึ้น เช่น การลดการใช้พลาสติก สิงคโปร์ต่อยอดการสร้างคอมเพล็กซ์ เพื่อใช้การลงทุนด้าน เมดิคัล ฮับ หรือเรื่องของยา อุปกรณ์การแพทย์ ด้วยมุมมองที่ว่าสิ่งเหล่านี้มีการพัฒนาโดยคนยุโรป หรือคนตะวันตก อาจจะไม่เหมาะกับคนทางตะวันออกหรือเอเชีย จึงมีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาช่วยกันวิจัยและพัฒนา ซึ่งงานต่าง ๆ ที่ออกมาจากคอมเพล็กซ์นี้ เป็นงานที่ดี มีเงินเดือนที่สูง ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถเดินตามเขาได้”
.
สำหรับเป้าหมายในการทำงานทางการเมืองของคุณวินท์ ส่วนตัวเขามองว่า ในการที่เติบโตมาในการทำธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม ถ้าจะต้องเปรียบเทียบ เราควรจะเดินหรือมีแนวทางคล้ายอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือ ประเทศฝรั่งเศส ที่มีการผสมผสานระหว่างการเกษตร ในเรื่องการทำไวน์ การผลิตผลไม้ราคาสูง ในภาคส่วนอุตสาหกรรมก็เป็นในเรื่องของการบิน เช่น เครื่องบินแอร์บัส รวมไปถึงเรื่องท่องเที่ยว สิงคโปร์ก็มีลักษณะที่คล้ายกัน
.
“ประเทศไทยควรพัฒนาแบบผสมผสาน มีทั้งท่องเที่ยว การเกษตร และอุตสาหกรรมร่วมอยู่ด้วย ซึ่งภาคอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ เพราะเป็นภาคส่วนที่สร้างงานสร้างรายได้ในจำนวนมาก และเป็นงานที่เงินเดือนสูง ต้องใช้ทั้งวิศวกร ผู้บริหาร นักการเงินผู้เชี่ยวชาญ และมีส่วนช่วยในการผลักดัน GDP ของประเทศไทย ช่วยเน้นในเรื่องของค่าครองชีพ ช่วยในเรื่องของการสร้างอาชีพที่มีรายได้ดี เมื่อรายได้เราสูงกว่าค่าครองชีพ คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น
.
ดังนั้น ตนมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องของอุตสาหกรรม จึงมีแนวทางที่ชัดเจน ว่าเราจะเดินตามแนวทางไหนให้ได้ประโยชน์กับประเทศไทย ไม่ว่าจะฝั่งยุโรป เรามีโมเดลของฝรั่งเศสให้เรียนรู้ ส่วนในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราก็ตามเดินตามรอยของสิงคโปร์ได้เช่นกัน เพียงเรามีเส้นทางที่ชัดเจน ก็จะพัฒนาประเทศไทยให้ดีขึ้นได้”
.
‘วินท์ สุธีรชัย’ เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เติบโตที่ย่านฝั่งธนบุรี ในครอบครัวนักธุรกิจวงการเหล็ก การศึกษาเริ่มต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก และ NIST International School จากนั้นใช้ชีวิตมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับมหาวิทยาลัย ที่สหรัฐอเมริกา เป็นเวลากว่า 7 ปี ครั้นเมื่อจบการศึกษาก็เริ่มต้นชีวิตการทำงานในแวดวงธุรกิจสืบทอดจากครอบครัว ‘วินท์’ ได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน และผันตัวออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง จากท่อเหล็กสำหรับยานยนต์ รวมไปถึงโรงเหล็กรีดร้อน ปัจจุบันเป็นผู้บริหารกิจการโรงเหล็กที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
.
“ช่วงอายุ 24-25 ปี หลังกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ก็ได้มองว่า จุดสูงสุดในการทำธุรกิจเกี่ยวกับเหล็ก คือ การทำโรงเหล็กรีดร้อน ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นต้นน้ำสูงสุด จึงตั้งเป้าการทำโรงเหล็กรีดร้อน ใช้เงินทุนสูงมากหลักหมื่นล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าช่วงอายุ 50 ปีปลาย ๆ จะทำได้สำเร็จ แต่ด้วยจังหวะชีวิตและโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามา ทำให้สามารถตั้งโรงเหล็กรีดร้อนได้สำเร็จในวัย 31 ปี ที่ชื่อว่า บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด ปัจจุบันยังคงดำเนินการธุรกิจอยู่ ซึ่งเริ่มต้นด้วยตนเอง ทั้งการร่างโครงการ คัดสรรทีมงานต่าง ๆ และเมื่อความฝันสูงสุดของตัวเองทำได้สำเร็จ จึงอยากที่จะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ช่วยแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่างในสังคม และร่วมสานฝันของคนอื่น ๆ โดยเริ่มต้นจากการเมือง ถ้าไม่เข้าสู่การเมืองก็คงไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” วินท์ ตอบคำถามการเข้าสู่เส้นทางการเมือง
.
เมื่อถามถึงจุดที่มาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนได้เห็นการทำงานและแนวคิดการทำงาน พบว่าผู้ใหญ่ของพรรคนี้แต่ละท่านนั้นมือสะอาด และเมื่อได้ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนสัมผัสถึงความใส่ใจในการพัฒนาชาติ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่มีซ่อนเร้น โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ด้วยท่านเคยเป็นอดีตผู้พิพากษา การทำงานต่าง ๆ ของท่าน จะมีการตรวจสอบให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้คนทำงานอย่างเรา มีความรู้สึกสบายใจ ว่าทำงานไปแล้วไม่มีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย แล้วการที่อยู่ตรงนี้จึงทำงานได้อย่างสบายใจ
.
ในฐานะคนรุ่นใหม่ สิ่งที่เห็นในความเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ การทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหลายท่าน ไปทำงานอยู่ที่ตึกเอ็นโก้ ของ ปตท. เป็นพื้นที่ที่กระทรวงพลังงานไปเช่าทำการ แต่ในมุมมองของ นายพีระพันธุ์ มองว่า ถ้ากระทรวงพลังงาน จะต้องไปทำการควบคุม ปตท. เพื่อนำผลประโยชน์มาให้ประเทศชาติ ก็ไม่ควรไปทำงานในพื้นที่ของบริษัทดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการกลับมาใช้พื้นที่บ้านพิบูลธรรม ที่ตั้งดั้งเดิมของกระทรวงพลังงาน โดยนำเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเอง ไม่ไปรบกวนหรือพึ่งพาภาษีประชาชน ใช้เงินส่วนตัวในการทำสถานที่ทำงานของตัวเอง ทำให้ส่วนตัวมีความประทับใจ และสร้างมั่นใจในการทำงานเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานราคาถูก แม้ที่ผ่านมาจะมีแรงกดดันจากหลายฝ่าย แต่นายพีระพันธุ์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนั้น
.
ในมุมมองทีมเศรษฐกิจ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘วินท์’ มองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ซบเซา แม้แต่จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงยุโรปก็ดี ล้วนก็มีปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งสิ้น ซึ่งเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด ทำให้เกิดการขาดรายได้ และก่อให้เกิดหนี้สินครัวเรือนอย่างมหาศาลทุกประเทศทั่วโลก เมื่อหนี้ครัวเรือนมีสูง ธนาคารจึงไม่ยอมปล่อยกู้ให้กับประชาชน ที่ต้องการซื้อบ้าน รถ ต้องการจะลงทุนในด้านเศรษฐกิจ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ยังไม่ฟื้นสู่สถานการณ์ปกติ ภาคธุรกิจต่าง ๆ ชะลอตัว
.
ในส่วนของวงการอุตสาหกรรม ถ้าต้องมีการพัฒนาไปข้างหน้า ‘วินท์’ มองว่า มองภาพไว้คล้าย ๆ กับประเทศสิงคโปร์ ที่เริ่มต้นจากการสร้างเกาะจูล่ง ในการพัฒนาและสร้างตัวเองให้เป็นจุดกลั่นน้ำมันของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อมีเกาะจูล่งในการรองรับอุตสาหกรรมปลายน้ำของน้ำมัน โดยมีส่วนที่ทำพลาสติก ปิโตรเคมี หนังเทียมได้ จึงมีการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีการสร้างงานมหาศาล เงินเดือนสูง ซึ่งใช้บุคลากรจำนวนมาก เช่น วิศวกร ช่างเทคนิค เป็นต้น
.
“มีแนวคิดแล้วว่า หากมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เปรียบได้ว่า ในโรงแรมดี ๆ แค่หนึ่งโรงแรม พนักงานที่ได้เงินเดือนระดับสูงมีเพียงไม่กี่คน จึงขอให้มีการมุ่งเน้นพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมก่อนในช่วงแรก โดยเฉพาะในเรื่องของปิโตรเคมี งาน เงิน จะค่อนข้างดี ต่างประเทศย่อมสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศก็เติบโต รวมถึงการมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกรที่เติบโตมาจากอุตสาหกรรมดังกล่าวจำนวนมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งอุตสาหกรรมที่ดำเนินการเริ่มไม่ค่อยดี กระทบกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จึงต้องมีการรณรงค์เกิดขึ้น เช่น การลดการใช้พลาสติก สิงคโปร์ต่อยอดการสร้างคอมเพล็กซ์ เพื่อใช้การลงทุนด้าน เมดิคัล ฮับ หรือเรื่องของยา อุปกรณ์การแพทย์ ด้วยมุมมองที่ว่าสิ่งเหล่านี้มีการพัฒนาโดยคนยุโรป หรือคนตะวันตก อาจจะไม่เหมาะกับคนทางตะวันออกหรือเอเชีย จึงมีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาช่วยกันวิจัยและพัฒนา ซึ่งงานต่าง ๆ ที่ออกมาจากคอมเพล็กซ์นี้ เป็นงานที่ดี มีเงินเดือนที่สูง ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถเดินตามเขาได้”
.
สำหรับเป้าหมายในการทำงานทางการเมืองของคุณวินท์ ส่วนตัวเขามองว่า ในการที่เติบโตมาในการทำธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม ถ้าจะต้องเปรียบเทียบ เราควรจะเดินหรือมีแนวทางคล้ายอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือ ประเทศฝรั่งเศส ที่มีการผสมผสานระหว่างการเกษตร ในเรื่องการทำไวน์ การผลิตผลไม้ราคาสูง ในภาคส่วนอุตสาหกรรมก็เป็นในเรื่องของการบิน เช่น เครื่องบินแอร์บัส รวมไปถึงเรื่องท่องเที่ยว สิงคโปร์ก็มีลักษณะที่คล้ายกัน
.
“ประเทศไทยควรพัฒนาแบบผสมผสาน มีทั้งท่องเที่ยว การเกษตร และอุตสาหกรรมร่วมอยู่ด้วย ซึ่งภาคอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ เพราะเป็นภาคส่วนที่สร้างงานสร้างรายได้ในจำนวนมาก และเป็นงานที่เงินเดือนสูง ต้องใช้ทั้งวิศวกร ผู้บริหาร นักการเงินผู้เชี่ยวชาญ และมีส่วนช่วยในการผลักดัน GDP ของประเทศไทย ช่วยเน้นในเรื่องของค่าครองชีพ ช่วยในเรื่องของการสร้างอาชีพที่มีรายได้ดี เมื่อรายได้เราสูงกว่าค่าครองชีพ คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น
.
ดังนั้น ตนมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องของอุตสาหกรรม จึงมีแนวทางที่ชัดเจน ว่าเราจะเดินตามแนวทางไหนให้ได้ประโยชน์กับประเทศไทย ไม่ว่าจะฝั่งยุโรป เรามีโมเดลของฝรั่งเศสให้เรียนรู้ ส่วนในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราก็ตามเดินตามรอยของสิงคโปร์ได้เช่นกัน เพียงเรามีเส้นทางที่ชัดเจน ก็จะพัฒนาประเทศไทยให้ดีขึ้นได้”