UTN New Gen : ทีมคนรุ่นใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ
.
‘กวิน ชาตะวนิช ‘ ขอทำงานเพื่อแทนคุณแผ่นดิน
.
กวิน ชาตะวนิช ถือเป็นคนรุ่นใหม่ของ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้ามาร่วมทำงาน จากหนุ่มนักธุรกิจ ทายาทตระกูลรุ่นที่ 2 ของธุรกิจท่อสูบน้ำรายใหญ่ระดับประเทศ และนายแบบ ที่เบนเข็มเข้าสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัว ย่อมเป็นที่จับตาจากแวดวงและสังคมอยู่ไม่น้อย
.
ในวัยเด็กของ ‘กวิน’ เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจคนไทยเชื้อสายจีน และดำเนินรอยตามช่วยธุรกิจของครอบครัว ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ต่อยอดในด้านการบริหาร จึงเข้าศึกษาในด้านการจัดการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อจบการศึกษาปริญญาตรี นอกจากทำธุรกิจของครอบครัว ยังมีการขยายไปยังธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย
.
ที่ผ่านมานั้น ‘กวิน’ เป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้เพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ความรักชาติ ความเป็นไทย และมีการทำกลุ่มจิตอาสา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำด้วยใจ ด้วยความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
.
“ด้วยความเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดและเติบโตใต้ร่มบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล และมีความสำนึกในพระคุณของผืนแผ่นดินนี้ จึงได้อาสาเข้ามาทำงาน เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ตอบแทนคุณแผ่นดิน และได้รับโอกาสเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยการสนับสนุนจาก ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา รองหัวหน้าพรรค ในการเข้ามาร่วมงานครั้งนี้” กวินบอกเล่ามุมมองและที่มาที่ในการเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเริ่มต้นของการสนทนาครั้งนี้
.
เรื่องความสนใจในการเมืองนั้น เริ่มตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ‘กวิน’ เห็นภาพการเมืองที่แบ่งแยก แบ่งสี แบ่งฝ่ายกัน จึงไม่ต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองทะเลาะเบาะแว้ง อยากเห็นความรักความสามัคคีของคนไทย และการเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติก็ตรงกับแนวคิดของตน เพราะชื่อก็บ่งบอกแล้วว่า ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เราจะรวมใจ รวมไทย ไปด้วยกัน
.
“ไม่อยากให้คนไทยตกอยู่ในหล่มของความขัดแย้ง การแบ่งสีแบ่งฝ่ายไม่เป็นประโยชน์ อยากให้พวกเรา เอาจุดยืนคือความรักชาติ มาช่วยกัน ผมเชื่อได้เลยว่า พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะสีใดก็ตาม มีความหวังดีและรักชาติบ้านเมือง แต่อยากให้เอาความรักชาติมาใช้ให้ถูกจุด มาช่วยกันร่วมกัน พัฒนาประเทศชาติของพวกเราไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมอยากจะเห็น”
.
เมื่อถามถึงความพร้อม งานด้านการเมืองหรือลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งใหม่ในอนาคต ‘กวิน’ ตอบอย่างชัดเจนว่า มีความพร้อม และกำลังศึกษาในระดับชั้นปริญญาโท ซึ่งมีความตั้งใจในการช่วยพัฒนาประเทศ ด้านเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญของประเทศไทย เช่น ในระดับชุมชน การค้าขาย พ่อค้าแม่ค้า พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่อนข้างเงียบ ดังนั้น ส่วนตัวต้องการที่จะทำงานเพื่อช่วยเหลือให้พ่อค้าแม่ค้า สามารถทำมาค้าขายได้ อยากให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
.
“รวมไปถึงเรื่องของการศึกษา ต้องยอมรับว่าการศึกษาของประเทศ ยังขาดการพัฒนาอย่างมาก เราจะเห็นได้ว่า สังคมตอนนี้ พ่อแม่นั้น ต้องยอมที่จะส่งบุตรหลานไปรับการศึกษาในสถานศึกษาหรือโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายแพงๆ และในขณะเดียวกัน โรงเรียนของรัฐเอง ก็ขาดการพัฒนาอยู่พอสมควร ผมจึงอยากให้การศึกษาที่ดีของไทยมีอย่างครอบคลุม ไปในทุกพื้นที่ และ ทุกมิติ” กวิน กล่าวอย่างมุ่งมั่น
.
และจากคำถามข้างต้น คือ ความฝันและเป้าหมายของการทำงานการเมืองใช่หรือไม่ ‘กวิน’ ได้เปิดเผยว่า สิ่งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ถ้าเราได้มีโอกาสในการทำงาน การที่เราเห็นการเมืองมาโดยตลอด วันหนึ่งถ้าเรามีอำนาจและหน้าที่ดูแลในเรื่องตรงนี้ ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยที่สุดถ้าได้ดูแลกระทรวงใดสักกระทรวงหนึ่ง มีความตั้งใจแล้วว่าอยากจะช่วยให้ประเทศชาติพัฒนาไปได้ในด้านนั้นๆ
.
ซึ่งจากประสบการณ์การลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ในสายตาของตน มองว่าในทุกพื้นที่มีปัญหาที่เหมือนกันหมด นั่นคือเรื่องที่อยู่ที่ทำกิน ปัญหาปากท้องของประชาชน ถ้าตนได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไปไม่ว่าจะพื้นที่ใดก็ตาม สิ่งแรกที่จะทำ คือ การรับฟังปัญหาของประชาชน ในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชน
.
“เราลงพื้นที่เพื่อจะรับฟัง และช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชน เมื่อเรารับฟังปัญหามา แล้วนำมาปรึกษาหารือไม่ว่าจะที่พรรค หรือที่กระทรวง แล้วนำมาผลักดันเป็นนโยบาย เพื่อที่จะช่วยเหลือให้กับประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ”
.
หากนับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน ในการร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘กวิน’ ได้ตอบความรู้สึกว่า มีแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจ จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือลุงตู่ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ที่มีจิตวิญญาณ หรือเรียกได้ว่าเป็น DNA ของลุงตู่ รวมถึงท่านมีบทบาทสำคัญของพรรค คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลที่ตั้งใจทำงาน ไม่พูดเยอะ มีความสุขุม รอบคอบ เป็นผู้นำที่มีคุณธรรม ตนมีภาคภูมิใจอย่างมาก ที่ได้เข้ามายังจุดนี้ รวมทั้งการทำงานร่วมกับบุคลากรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนมีความตั้งใจและอาสามาทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน