25 ตุลาคม 2567 นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการดำเนินกิจการรังนกแอ่น ว่า
.
ในฐานะตัวแทนประชาชนชาว จ.ชุมพร เป็นพื้นที่ทำรังนกแอ่น หรือนกอีแอ่นได้มากที่สุดในประเทศ มีเกาะรังนกถึง 13 เกาะ ปัญหาที่จะนำเรียนเพื่อประกอบในการตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ในเรื่องการศึกษาและแก้ไขปัญหา เรื่องกฎระเบียบ ข้อกฎหมาย เพื่อให้การสัมปทานรังนกมีความคล่องตัวมากขึ้น
.
ซึ่งทาง จ.ชุมพร มีคณะกรรมการเก็บภาษีอากรรังนกอีแอ่น มีการประกาศประมูลรังนกอีแอ่นหลายครั้ง ยาวนานถึง 3-4 ปี ไม่มีผู้ประมูลสัมปทาน มีปัญหาสำคัญ 2 เรื่อง คือ
.
1.ประชากรนกอีแอ่นลดลง ในถ้ำภายในเกาะต่างๆ
.
2.การบังคับใช้พระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2540 มีความยุ่งยาก และทับซ้อน ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา ระหว่างกระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ควบคุม สัมปทานรังนกอีแอ่นเกือบทุกเกาะรังนก ทำให้ไม่มีผู้มาสัมปทาน ท้องถิ่นก็ขาดรายได้ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด
.
โดยวิธีการหาผู้ประมูลสัมปทาน ก็มีความซับซ้อน และเป็นปัญหาในทุกๆ จังหวัดที่มีรังนกอีแอ่น
.
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อศึกษาและเอามาแก้ไขปัญหาในวิธีการปฏิบัติ ในส่วนเรื่องของราคารังนก จากเดิม ที่มีราคารังนกเกาะ 150,000-160,000 บาท ราคารังนกบ้านกิโลกรัมถึง 60,000 – 70,000 บาท แต่ในปัจจุบันราคารังนกเกาะ 40,000 – 50,000 บาท รังนกบ้านเหลือเพียง 20,000 บาท เท่านั้น
.
ด้วยสาเหตุทางกฎหมายที่ล้าหลัง คลุมเครือ ในเรื่องของการจำหน่าย ประเทศคู่ค้าต่อต้านในการซื้อรังนก โดยอ้างกฎหมาย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 14
.
ดังนั้นการตั้งคณะกรรมการวิสามัญ นับเป็นมิติใหม่ที่ดีในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องที่ประกอบอาชีพนี้ สร้างรายได้กับผู้ประกอบการอาชีพนกบ้าน สร้างพื้นที่การประกอบอาชีพนกบ้าน และทำให้คนกับนกอยู่ร่วมกันได้ และฟื้นฟูนกเกาะ ช่วยกันกำหนดกติกา และเปลี่ยนแปลงกฎหมายเดิมเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน จึงขออภิปรายผ่านไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดูแลและหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาโดยเร็ว