วันที่ 19 ตุลาคม 2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตามที่ตนได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วในการประชุมวาระเรื่องรับทราบรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยเห็นแล้วว่าในพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนที่ไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านการรวมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมอยู่ในการได้รับการยกโทษให้นิรโทษกรรม เนื่องจากมองว่าไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง และเป็นคดีหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของประเทศเป็นความผิดร้ายแรงไม่สมควรได้รับการยกความผิดนิรโทษกรรมให้อย่างเด็ดขาด ควรดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายอย่างเคร่งครัด
.
ส่วนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยแสดงความคิดเห็นมองว่าสส.บางพรรคยังไม่เข้าใจ หรืออาจจะแกล้งไม่เข้าใจในเรื่องนี้ว่าไม่ใช่การยกเลิกมาตรา 112 นั้น ตนมองว่า รัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยควรที่จะมีการหารือพูดคุยให้ตกผลึกทางความคิดเข้าใจให้ตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้เกิดการเดินหน้าพิจารณากฎหมายที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งคดีทางการเมืองที่ไม่ร้ายแรง ตนเห็นด้วยและสนับสนุนให้เกิดการสร้างความปรองดอง ลดความขัดแย้ง เพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกทางความคิด แต่ต้องย้ำจุดยืนหลักการให้ชัดทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมายการนิรโทษกรรมก็ตาม ต้องแตะหมวด 1-2 รวมถึงมาตราสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด ซึ่งการรับทราบรายงานผลการศึกษาต่อสภาฯ ก็ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ที่สภาผู้แทนราษฎรจะรับรองรายงานที่มีความสุ่มเสี่ยง ควรต้องพิจารณาให้เกิดความรอบคอบรัดกุม และถูกต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและจริยธรรมได้
.
“ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลได้ใช้โอกาสรับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคมนี้พูดคุยในประเด็นกฎหมายนิรโทษกรรมให้เกิดความชัดเจน และมีทิศทางที่ถูกต้องเห็นตรงกันยึดหลักการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ อย่าเปิดช่องให้เกิดการลดทอนกฎหมายสำคัญนี้เพราะถือเป็นความเสี่ยงต่ออธิปไตยของชาติ ทั้งนี้รัฐบาลควรเร่งมือแก้ปัญหาความเดือดร้อนเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนมาเป็นเรื่องแรก ลดความเสี่ยงต่อการสร้างแรงกระเพื่อมเพิ่มความขัดแย้งในสังคมจะดีกว่า“ นายธนกร กล่าวย้ำ