‘เอกนัฏ’ ลั่น เดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก พร้อมยืนยันไม่หวั่นผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังปัญหากากพิษ ส่งสัญญาณเอาจริง เร่งคืนน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชน
.
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตอบกระทู้ ซึ่งนายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ถามสดด้วยวาจา เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน 2 เรื่อง ประเด็นแรกในเรื่องเกี่ยวกับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่จ.เชียงราย ในฐานะรัฐมนตรี ได้มีการวางแผนระยะสั้น ระยะยาวอย่างไรบ้าง รวมถึงแนวทางการกำจัดกากพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดระยอง และการเตรียมพร้อมรับมือสินค้าจากต่างประเทศที่กำลังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอยู่ในขณะนี้
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากอุทกภัยที่จ.เชียงรายนั้น ไม่ใช่เป็นภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ทางรัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการดูแลและเยียวยาพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ มีการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ของน้ำอยู่ตลอดเวลา มาตรการการช่วยเหลือของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเยียวยา การสนับสนุนการฟื้นฟู ซ่อมแซมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ ถุงยังชีพ นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่ จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง
.
ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมใน จ.เชียงราย พบว่า ได้รับผลกระทบไม่มากนัก โดยมีการประกาศกฎกระทรวงในการยกเว้นค่าธรรมเนียม ลงวันที่ 23 กันยายน 2567 เป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของลูกค้าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ก็ให้มีการพักชำระหนี้ เป็นเวลา 3 เดือน ด้านการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เข้าไปดูแลโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการเร่งฟื้นฟูเยียวยา และการหาแหล่งเงินกู้ เพื่อเป็นการหาเงินทุนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
นายเอกนัฏ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในภาคส่วนของอุตสาหกรรม มีการติดตามเฝ้าระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะอุตสาหกรรมเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเกิดความเสียหายอย่างมาก และเป็นการซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหา ควรระดมภาคเอกชนที่ไม่ได้รับผลกระทบ ให้ส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย
.
พร้อมกันนี้ นายเอกนัฏ ได้กล่าวถึงแนวทางในการปฏิรูปอุตสาหกรรมของไทยว่า เรื่องแรกต้องสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อจะได้ไปเก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ให้กับคนไทย ธุรกิจของไทย เรื่องต่อมา การปกป้องอุตสาหกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ต้องมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องกลุ่มธุรกิจ ซึ่งในวันนี้ถูกเอารัดเอาเปรียบ จากช่องโหว่ทางกฎหมาย มีพฤติกรรมบิดเบือนกลไกการตลาด ทุ่มตลาด
.
โดยมีแนวคิดที่จะก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม SME เพื่อเป็นตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการ SME ในภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของการลักลอบนำสินค้าที่ผิดกฎหมายไม่ได้มาตรฐาน แล้วนำเข้ามาขายแข่งกับของคนไทย จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งต้องทำควบคุมกันทั้งมาตรการทางภาษีและการค้าอย่างเข้มงวด
.
ขณะเดียวกัน จะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกฎหมาย เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยการปรับปรุงกฎหมาย จะต้องมีการทบทวนกฎหมาย กฎกระทรวง ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ มีความรับผิดชอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ซึ่งภาระหน้าที่ในความรับผิดชอบของ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการแก้ไขเยียวยา ต้องมีการทบทวนแผนอย่างเร่งด่วน เพื่อดำเนินการแก้ไข และในอนาคตจะต้องวางมาตรการกำกับดูแล เพื่อเรียกค่าปรับ หรือให้ผู้กระทำผิดมาชดเชยกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
.
ส่วนประเด็นเรื่อง การจัดการกากพิษอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ กล่าวว่า ถือเป็นภารกิจที่ตนตั้งใจทำให้เกิดผลสำเร็จ และทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมแม้จะไม่ใช่หน่วยงานหลักที่จัดการปัญหา แต่จะยืนหยัดในการต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล ที่อยู่เบื้องหลังปัญหากากพิษ ที่ทำร้ายชีวิตประชาชน เพื่อเร่งคืนน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนโดยเร็ว
.
อย่างไรก็ตาม ปัญหากากพิษไม่ได้มีอยู่แค่ จ.ระยอง เท่านั้น ยังมีในพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจ.พระนครศรีอยุธยา จ.นครราชสีมา โดยที่ จ.ระยอง ตนได้เดินทางไปตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งนั้น ตั้งใจจะเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้ประกอบการที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทำร้ายพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะปล่อยต่อไปไม่ได้ รวมทั้งส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นในประเทศอีกต่อไป ใครกระทำผิดอีกต้องถูกดำเนินคดี จะต้องมีการแก้ไขปัญหากากพิษอย่างยั่งยืน
.
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตอบกระทู้ ซึ่งนายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ถามสดด้วยวาจา เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน 2 เรื่อง ประเด็นแรกในเรื่องเกี่ยวกับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่จ.เชียงราย ในฐานะรัฐมนตรี ได้มีการวางแผนระยะสั้น ระยะยาวอย่างไรบ้าง รวมถึงแนวทางการกำจัดกากพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดระยอง และการเตรียมพร้อมรับมือสินค้าจากต่างประเทศที่กำลังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอยู่ในขณะนี้
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากอุทกภัยที่จ.เชียงรายนั้น ไม่ใช่เป็นภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ทางรัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการดูแลและเยียวยาพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ มีการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ของน้ำอยู่ตลอดเวลา มาตรการการช่วยเหลือของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเยียวยา การสนับสนุนการฟื้นฟู ซ่อมแซมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ ถุงยังชีพ นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่ จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง
.
ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมใน จ.เชียงราย พบว่า ได้รับผลกระทบไม่มากนัก โดยมีการประกาศกฎกระทรวงในการยกเว้นค่าธรรมเนียม ลงวันที่ 23 กันยายน 2567 เป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของลูกค้าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ก็ให้มีการพักชำระหนี้ เป็นเวลา 3 เดือน ด้านการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เข้าไปดูแลโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการเร่งฟื้นฟูเยียวยา และการหาแหล่งเงินกู้ เพื่อเป็นการหาเงินทุนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
นายเอกนัฏ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในภาคส่วนของอุตสาหกรรม มีการติดตามเฝ้าระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะอุตสาหกรรมเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเกิดความเสียหายอย่างมาก และเป็นการซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหา ควรระดมภาคเอกชนที่ไม่ได้รับผลกระทบ ให้ส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย
.
พร้อมกันนี้ นายเอกนัฏ ได้กล่าวถึงแนวทางในการปฏิรูปอุตสาหกรรมของไทยว่า เรื่องแรกต้องสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อจะได้ไปเก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ให้กับคนไทย ธุรกิจของไทย เรื่องต่อมา การปกป้องอุตสาหกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ต้องมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องกลุ่มธุรกิจ ซึ่งในวันนี้ถูกเอารัดเอาเปรียบ จากช่องโหว่ทางกฎหมาย มีพฤติกรรมบิดเบือนกลไกการตลาด ทุ่มตลาด
.
โดยมีแนวคิดที่จะก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม SME เพื่อเป็นตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการ SME ในภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของการลักลอบนำสินค้าที่ผิดกฎหมายไม่ได้มาตรฐาน แล้วนำเข้ามาขายแข่งกับของคนไทย จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งต้องทำควบคุมกันทั้งมาตรการทางภาษีและการค้าอย่างเข้มงวด
.
ขณะเดียวกัน จะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกฎหมาย เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยการปรับปรุงกฎหมาย จะต้องมีการทบทวนกฎหมาย กฎกระทรวง ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ มีความรับผิดชอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ซึ่งภาระหน้าที่ในความรับผิดชอบของ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการแก้ไขเยียวยา ต้องมีการทบทวนแผนอย่างเร่งด่วน เพื่อดำเนินการแก้ไข และในอนาคตจะต้องวางมาตรการกำกับดูแล เพื่อเรียกค่าปรับ หรือให้ผู้กระทำผิดมาชดเชยกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
.
ส่วนประเด็นเรื่อง การจัดการกากพิษอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ กล่าวว่า ถือเป็นภารกิจที่ตนตั้งใจทำให้เกิดผลสำเร็จ และทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมแม้จะไม่ใช่หน่วยงานหลักที่จัดการปัญหา แต่จะยืนหยัดในการต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล ที่อยู่เบื้องหลังปัญหากากพิษ ที่ทำร้ายชีวิตประชาชน เพื่อเร่งคืนน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนโดยเร็ว
.
อย่างไรก็ตาม ปัญหากากพิษไม่ได้มีอยู่แค่ จ.ระยอง เท่านั้น ยังมีในพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจ.พระนครศรีอยุธยา จ.นครราชสีมา โดยที่ จ.ระยอง ตนได้เดินทางไปตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งนั้น ตั้งใจจะเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้ประกอบการที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทำร้ายพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะปล่อยต่อไปไม่ได้ รวมทั้งส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นในประเทศอีกต่อไป ใครกระทำผิดอีกต้องถูกดำเนินคดี จะต้องมีการแก้ไขปัญหากากพิษอย่างยั่งยืน