“วิชัย สุดสวาสดิ์” เผยรับเรื่องร้องเรียนบุคคลอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์เรียกรับผลประโยชน์จากล้งทุเรียนในพื้นที่ เร่งรัฐบาลแก้ไขปัญหา หากปล่อยเนิ่นนานเกรงกระทบราคาทุเรียน
.
วันที่ 25 กันยายน 2567 นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า
.
ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียน หรือ ล้งทุเรียน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เข้าไปขอดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินกับผู้ประกอบการ
.
เมื่อบุคคลดังกล่าวไม่พบความผิดปกติในเส้นทางการเงิน บุคคลดังกล่าวก็มีการตรวจสอบในเรื่องอื่น ๆ เช่น การเดินทางเข้าประเทศ การประกอบกิจการ ฯลฯ เพื่อหาความผิด และเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์อื่น ๆ จากผู้ประกอบการ ซึ่งจากการรับของร้องเรียนของตนพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ประมาณ 2-3 แสนบาทต่อครั้ง
.
จากปัญหาดังกล่าวย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านความโปร่งใส นอกจากนี้หากปล่อยปัญหาไว้เนิ่นนานย่อมจะกระทบกับห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain)ของวงการทุเรียนในประเทศไทย เป็นปัญหาอีกหนึ่งปัญหาที่ซ้ำเติมวงการทุเรียน จากที่ไม่นานมานี้มีปัญหาพบการปนเปื้อนของแคดเมียมในทุเรียนที่ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา
.
ตนจึงขอใช้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นสื่อกลางในการนำปัญหาสื่อไปถึงรัฐบาลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทุเรียนจะเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องมีการจัดสรรงบมาเยียวยาแก่เกษตรกร
.
“ความทุกข์ยากทั้งปวงประชาชนคือสิ่งที่ผู้แทนราษฎรจะต้องดูแล และเรื่องนี้ก็เช่นกัน” นายวิชัย กล่าวในตอนท้าย
.
วันที่ 25 กันยายน 2567 นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า
.
ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียน หรือ ล้งทุเรียน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เข้าไปขอดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินกับผู้ประกอบการ
.
เมื่อบุคคลดังกล่าวไม่พบความผิดปกติในเส้นทางการเงิน บุคคลดังกล่าวก็มีการตรวจสอบในเรื่องอื่น ๆ เช่น การเดินทางเข้าประเทศ การประกอบกิจการ ฯลฯ เพื่อหาความผิด และเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์อื่น ๆ จากผู้ประกอบการ ซึ่งจากการรับของร้องเรียนของตนพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ประมาณ 2-3 แสนบาทต่อครั้ง
.
จากปัญหาดังกล่าวย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านความโปร่งใส นอกจากนี้หากปล่อยปัญหาไว้เนิ่นนานย่อมจะกระทบกับห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain)ของวงการทุเรียนในประเทศไทย เป็นปัญหาอีกหนึ่งปัญหาที่ซ้ำเติมวงการทุเรียน จากที่ไม่นานมานี้มีปัญหาพบการปนเปื้อนของแคดเมียมในทุเรียนที่ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา
.
ตนจึงขอใช้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นสื่อกลางในการนำปัญหาสื่อไปถึงรัฐบาลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทุเรียนจะเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องมีการจัดสรรงบมาเยียวยาแก่เกษตรกร
.
“ความทุกข์ยากทั้งปวงประชาชนคือสิ่งที่ผู้แทนราษฎรจะต้องดูแล และเรื่องนี้ก็เช่นกัน” นายวิชัย กล่าวในตอนท้าย