นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ขอบคุณผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการบรรเทาสารเคมีรั่วไหลที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และระยอง ผ่านกิจกรรม “อุตสาหกรรมรวมใจ” พร้อมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้ผู้กระทำผิดต้องรับผิดชอบ
.
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม และการจัดการกากพิษที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่การรั่วไหลแพร่กระจายของสารมลพิษปนเปื้อนในหลายพื้นที่ ก่อให้เกิดความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชน ตนจึงได้สั่งการ ให้เร่งปฏิรูปอุตสาหกรรม ด้านการจัดการกากสารพิษ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวในการกระทำผิด ให้ผู้ลักลอบทิ้งเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน อย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพล หรือผู้มีอำนาจใด ๆ พร้อมกันนี้ ได้ชื่นชมภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาสารเคมีรั่วไหลและสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
.
“ผมจะต่อสู้กับปัญหาขยะพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชน ไม่อ่อนข้อให้ผลประโยชน์ ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพล เดินหน้า เร่งคืนน้ำที่สะอาด และอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย” รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าว
.
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในวันที่ 18 กันยายน 2567 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้จัดกิจกรรม “อุตสาหกรรมรวมใจ บรรเทาปัญหาสารเคมีรั่วไหล” เพื่อขอบคุณและมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ผู้ประกอบการกว่า 58 ราย ที่มีความปรารถนาดีในการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการระงับเหตุและบรรเทาปัญหาสารเคมีรั่วไหล อาทิ หน้ากากป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หินและทรายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารเคมี หินปูนและสารเคมีเพื่อระงับการเกิดปฏิกิริยา ภาชนะกอบกู้ของเสียและสารพิษ การเบี่ยงทางน้ำหลากไม่ให้เกิดการปนเปื้อนสารเคมี การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ แรงงาน และเครื่องจักรต่าง ๆ รวมถึงการตรวจเวรยามเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการจัดการกากพิษที่อาจแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน พร้อมเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อติดอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพ สามารถกำกับดูแลผู้ประกอบการและประชาชนต่อไป