“วิทยา แก้วภราดัย” ถาม กสทช. ถึงแนวทางการหยุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังปล่อยให้ใช้คลื่นความถี่หลอกหลวงคนไทยทุกวินาที เร่ง ถามแนวทางรับมือ หลังประธาน กสทช. ถูกร้องเรียนปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อคุณสมบัติ
.
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายในการรายงานผลการปฏิบัติงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประจำปี 2566 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ประจำปี 2566 ว่า
.
ประเด็นแรก ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมาความเข้าใจของทั้งตนและประชาชนถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนั้นมีที่มาจากต่างชาติ แต่ต้องทำความเข้าใจใหม่ เนื่องจากบริเวณชายแดนของประเทศไทย มีการลากสายสัญญาณทั้งสัญญาณมือถือและสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังสถานที่ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี จนถึงทุกวันนี้ตนไม่ทราบว่า กสทช. ได้มีการสำรวจบ้างหรือไม่ว่ามีสายสัญญาณมากน้อยเพียงใดที่ถูกลากไปใช้เพื่อหลอกหลวงพี่น้องประชาชนชาวไทย
.
นอกจากนั้น ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีผู้ถูกจับกุมประมาณ 70 ราย เป็นการจับกุมโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานดังกล่าวว่าใช้วิธีใดในการสืบหาแหล่งกระทำความผิด ปรากฏว่าคำตอบที่ได้รับคือการใช้สายสืบ ซึ่งไม่มีการใช้เทคโนโลยีใด ๆ ร่วมด้วยเลย หาก กสทช. มีบทบาทยิ่งขึ้น ตนเชื่อว่าการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
.
“ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ทุก ๆ วินาทีมีประชาชนถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมเหล่านี้ กสทช. จะต้องคุ้มครองประชาชนจากสิ่งเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่แค่ประมูลคลื่นและควบคุมคลื่นความถี่แต่เพียงอย่างเดียว”
.
ด้วยเหตุที่กล่าวมาจึงตั้งคำถามไปยัง กสทช. ถึงแนวทางการดำเนินการเพื่อยุติบทบาทของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้คลื่นความถี่หลอกหลวงพี่น้องประชาชนชาวไทย
.
ประเด็นที่สอง กรณีประธานคณะกรรมการ กสทช. ถูกร้องเรียนไปยังวุฒิสภา โดยประธานวุฒิสภาได้มอบหมายให้กรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
.
เนื้อในของข้อร้องเรียน คือ ประธานคณะกรรมการ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อคุณสมบัติ คือ ได้มีการใช้เวลาไปทำงานเป็นแพทย์ของทั้ง รพ.รัฐและเอกชน นอกจากนั้นยังดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระของธนาคารเอกชน ทุก ๆ ท่านคงทราบว่าเงินเดือนของตำแหน่งดังกล่าวสูงกว่านายกรัฐมนตรี ด้วยความมุ่งหวังว่าประธานคณะกรรมการ กสทช. จะต้องทุ่มเทให้กับงานของ กสทช. อย่างเต็มที่
.
ตนจึงขอตั้งคำถามไปยัง กสทช. ว่า หากข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบเห็นว่าประธานคณะกรรมการ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อคุณสมบัติ กสทช. จะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาเช่นนี้อย่างไร