“ธนกร” เร่ง กสทช. แก้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลัง หลอกลวงประชาชนสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมาก ขอตรวจสอบใช้งบกองทุน 300 ล้าน ให้ “นีลเส็น” วัดเรตติ้ง แนะ รัฐหันมาใช้บริษัทคนไทยแทน ขอเป็นหน่วยงานหลัก เป็นที่พึ่งของประชาชน
.
วันที่ 15 ส.ค.2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้อ่านรายงานของ กสทช. อย่างละเอียดขอให้กำลังใจ กสทช.ทุกคน แต่ขอฝากคำถามจากประชาชน ว่า วันนี้มีการบริหารงานที่โปร่งใสหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อมูลข่าวสารออกมาจำนวนมากถึงการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และกำกับดูแลผู้ประกอบการด้วยจึงขอให้ กสทช. ควบคุมความโปร่งใสเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ขณะที่มีความล่าช้าในการดำเนินงานของ กสทช. ในด้านต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการโทรคมนาคม
.
ขณะที่ตนไม่อยากเห็นบรรยากาศความขัดแย้งเกี่ยวกับการบริหารงานใน กสทช. ซึ่งประชาชนจับตาดูการทำงานอยู่เพราะมีความขัดแย้งถึงขั้นฟ้องร้องกันมากมายจึงไม่อยากเห็นภาพแบบนี้อยากเห็นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ถูกต้องเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน หากภายในองค์กรยังมีปัญหาจะไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้เลย
.
“วันนี้ประชาชนยังไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของ กสทช. เลย แม้ว่ารัฐบาลประกาศแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นวาระแห่งชาติแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้ชาตินี้หรือชาติไหน ฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันโดยเฉพาะ กสทช. ต้องเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ สร้างความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมากมาย”
.
นายธนกร ย้ำว่า กสทช. ต้องเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาซึ่งที่ผ่านมาเห็นว่าการทำงานของ กสทช. เข้มข้นกว่านี้ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ จึงอยากให้เร่งแก้ปัญหาเพราะการหลอกลวงทางออนไลน์ นับว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมากมาย
.
จึงขอฝาก กสทช. เข้าไปดูแลผู้ประกอบการที่เข้ามาประมูลใบอนุญาตในการผลิตและเผยแพร่ทีวีระบบดิจิตอล ซึ่งการเข้ามาประมูลช่วงแรกมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ล้มหายตายจากไปหลายช่องแล้ว เพราะมีการประมาณมูลค่าและโอกาสทางการตลาดที่สูงเกินไปแต่ละบริษัทก็ล้มไปแล้ว แม้จะมีการพยายามช่วยเหลืออย่างไรแต่ก็อยู่ไม่รอด
.
ทั้งนี้ขอตั้งคำถามถึง กสทช. ที่เคยมีการมอบเงินกองทุนให้กับบริษัทนีลเส็น เผื่อจัดระบบวัดเรตติ้งอย่างผสมผสานระหว่างทีวีกับ โซเชียลมีเดีย จึงอยากทราบความคืบหน้าว่าโครงการนี้ไปถึงไหนแล้วเพราะมีการใช้งบประมาณเกือบ 300 ล้านบาทในการดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่การดำเนินการเรื่องนี้ให้ กสทช. ทำเอง เพราะคนไทยสามารถสู้บริษัทต่างชาติได้อยู่แล้ว ซึ่งหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจเวลาจะทำงานประชาสัมพันธ์ต้องถูกโยงกับบริษัทนีลเส็น ตลอด
.
“ขอเป็นกำลังใจให้ กสทช. และหน่วยงานที่ตรวจสอบด้วยในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากประชาชนฉะนั้นก็ย่อมมีคำถามไปยังหน่วยงานได้ กสทช. จะต้องเป็นหน่วยงานหลักเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนด้วย” นายธนกร กล่า