นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ จี้ กระทรวงเกษตรฯ-กรมชลประทาน ดูแลโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หลังมีตะกอนดินตกค้างทำน้ำท่วม น้ำแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
.
วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
.
นายวิทยา กล่าวว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้มีการดำเนินการมามากกว่า 30 ปี มีพื้นที่ครอบคลุมหลายอําเภอในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นพื้นที่ยากจนอันดับสองใน 14 จังหวัดภาคใต้
.
โครงการในพระราชดําริดังกล่าวได้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่งแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในบริเวณลุ่มน้ำปากพนังในฤดูน้ำหลาก และประการที่สอง คือ แก้ปัญหาการเกิดภัยแล้งในลุ่มน้ำปากพนัง จากการรุกของน้ำเค็ม ซึ่งพื้นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร อำเภอชะอวด
.
โครงการฯ ดังกล่าวได้มีพระราชดําริในการสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิเป็นการแบ่งพื้นที่น้ำจืดกับน้ำเค็ม หลังจากนั้นราษฎรในแต่ละอําเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร อำเภอชะอวด พื้นที่เหล่านี้ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำปากพนังในการทําการเกษตร ใช้ในการอุปโภคและบริโภค
.
แต่ปรากฏว่าเมื่อโครงการดังกล่าวได้ปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิไปแล้วมากกว่า 20 ปี ตะกอนที่อยู่ในลุ่มน้ำปากพนังกลับไม่ได้รับการดูแลจากกรมชลประทานซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบโครงการทั้งหมดต่อเนื่องในโครงการพระราชดําริจนมาถึงวันนี้ เป็นเหตุเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูน้ำหลากท่วมพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ และปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งในการอุปโภคและบริโภค
.
เพราะฉะนั้นทางออกทางเดียวที่จะขอฝากผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปยังกรมชลประทานและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรควรจะไปติดตามโครงการราชดำริ เพราะเป็นโครงการที่แก้ความยากจนให้กับพี่น้องในลุ่มน้ำปากพนังได้อย่างแท้จริง
.
วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
.
นายวิทยา กล่าวว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้มีการดำเนินการมามากกว่า 30 ปี มีพื้นที่ครอบคลุมหลายอําเภอในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นพื้นที่ยากจนอันดับสองใน 14 จังหวัดภาคใต้
.
โครงการในพระราชดําริดังกล่าวได้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่งแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในบริเวณลุ่มน้ำปากพนังในฤดูน้ำหลาก และประการที่สอง คือ แก้ปัญหาการเกิดภัยแล้งในลุ่มน้ำปากพนัง จากการรุกของน้ำเค็ม ซึ่งพื้นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร อำเภอชะอวด
.
โครงการฯ ดังกล่าวได้มีพระราชดําริในการสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิเป็นการแบ่งพื้นที่น้ำจืดกับน้ำเค็ม หลังจากนั้นราษฎรในแต่ละอําเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร อำเภอชะอวด พื้นที่เหล่านี้ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำปากพนังในการทําการเกษตร ใช้ในการอุปโภคและบริโภค
.
แต่ปรากฏว่าเมื่อโครงการดังกล่าวได้ปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิไปแล้วมากกว่า 20 ปี ตะกอนที่อยู่ในลุ่มน้ำปากพนังกลับไม่ได้รับการดูแลจากกรมชลประทานซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบโครงการทั้งหมดต่อเนื่องในโครงการพระราชดําริจนมาถึงวันนี้ เป็นเหตุเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูน้ำหลากท่วมพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ และปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งในการอุปโภคและบริโภค
.
เพราะฉะนั้นทางออกทางเดียวที่จะขอฝากผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปยังกรมชลประทานและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรควรจะไปติดตามโครงการราชดำริ เพราะเป็นโครงการที่แก้ความยากจนให้กับพี่น้องในลุ่มน้ำปากพนังได้อย่างแท้จริง