Skip to content
Home » ธนกร” ขอ กมธ.วิสามัญศึกษา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่นับความผิด ม.110,112

ธนกร” ขอ กมธ.วิสามัญศึกษา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่นับความผิด ม.110,112

“ธนกร” ขอ กมธ.วิสามัญศึกษาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่นับความผิด ม.110,112 เป็นแรงจูงใจการเมือง ชี้ กระทบความมั่นคงของชาติ ย้ำ สถาบันฯไม่เกี่ยวการเมือง จี้ ยึดหลักการกม.ให้ชัด อย่าเหมารวมยกเข่ง เชื่อ คนไทยรับไม่ได้แน่

วันที่ 20 เม.ย.2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามเรื่อง “แรงจูงใจทางการเมือง” และความผิด 25 ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองใดว่าเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง
โดยตนขอให้ พิจารณาไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวกับการประทุษร้ายหมิ่นประมาทฯสถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท ขอให้กมธ.อนุกมธ.พิจารณาให้รอบคอบ เพราะความผิดทั้ง 2 มาตรา เป็นความผิดร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐซึ่งประมุขของประเทศ ซึ่งไม่สามารถยอมรับได้

ทั้งนี้แม้ว่าบางพรรคการเมืองได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวมความผิดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวให้ได้รับการนิรโทษกรรมต่อสภามาแล้วก็ตาม แต่ตนขอย้ำในหลักการกฎหมาย ว่าไม่เห็นด้วย อย่างยิ่งและขอคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

“ขอเรียกร้องไปยัง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พิจารณาตามหลักกฎหมายให้ดี ให้ถูกต้อง รอบคอบ เพื่อสรุปกำหนดนิยาม เรื่อง แรงจูงใจทางการเมือง ต้องไม่เหมารวมผู้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา110 และ112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรม แต่หากกลับกันมีการเหมารวมยกเข่ง เชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้คนทั้งประเทศที่รักเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอนรวมทั้งผมด้วย“นายธนกร ระบุ