Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the neve domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /var/www/vhosts/unitedthaination.or.th/httpdocs/wp-includes/functions.php on line 6114
“วิทยา แก้วภราดัย” เรียกร้องกระทรวงการคลังทบทวนวิธีการขึ้นบัญชีดำเครดิตบูโร - พรรครวมไทยสร้างชาติ
Skip to content
Home » “วิทยา แก้วภราดัย” เรียกร้องกระทรวงการคลังทบทวนวิธีการขึ้นบัญชีดำเครดิตบูโร

“วิทยา แก้วภราดัย” เรียกร้องกระทรวงการคลังทบทวนวิธีการขึ้นบัญชีดำเครดิตบูโร

“วิทยา แก้วภราดัย” สส.รวมไทยสร้างชาติ เรียกร้องกระทรวงการคลังทบทวนวิธีการขึ้นบัญชีดำเครดิตบูโร “ประชาชน-ภาคธุรกิจ” เสียใหม่ ย้ำถ้ายังใช้วิธีแบบปัจจุบัน จะผลักไสให้คนหันไปกู้หนี้นอกระบบเพิ่มมากขึ้น มหาดไทยก็แก้ปัญหาไม่ได้

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่รัฐสภา นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ร่วมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2567 โดยเกริ่นนำว่า ติดใจในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ระบุมีผลบังคับวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ 2566 เป็นต้นไป แต่ตนได้รับเอกสารงบประมาณปลายเดือนธันวาคม หลังพ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ตนเชื่อว่าทุกคนรู้ดี งบประมาณปีนี้ มีความล่าช้ากว่าปกติ เวลาการใช้จ่ายงบประมาณเหลืออยู่สั้นมาก จากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณา ถ้ากรรมาธิการฯเร่ง ให้เสร็จก่อนสงกรานต์ จะทำให้ประชาชนได้เห็นผลงานที่รัฐบาลอยากทำในพื้นที่ แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่ที่การเตรียมพร้อมของรัฐบาลด้วย

นายวิทยา กล่าวว่า ตนได้ฟังนายกรัฐมนตรีแถลง ได้รายงานจนถึงการวิเคราะห์ของสภาพัฒน์ฯ ที่ประเมินเศรษฐกิจปี 2567 คาดว่า จะขยายตัวร้อยละ 2.7-3.7 มีปัจจัยสนับสนุนหลักคือ การขยายตัวของภาคการส่งออก การอุปโภคบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่ยังมีข้อจำกัด และปัจจัยเสี่ยงจากการลดลงของแรงขับเคลื่อนด้านการคลัง ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจ ยังอยู่ในระดับสูง ผลกระทบจากภัยแล้งต่อผลผลิตภาคการเกษตร และความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก ฝนจะแล้งฝนจะตกรัฐบาลคงเข้าไปแทรกแซงยาก อย่างเก่งก็ใช้งบช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจจะพลิกขึ้นพลิกลงเรามีผลน้อยมาก แต่ 2 เรื่องที่เราสามารถใช้งบประมาณเข้าไปช่วยในการลดความเสี่ยงได้ คือ 1.ลดความเสี่ยงแรงขับเคลื่อนด้านการคลัง มาวันนี้งบลงทุนในปี 2567 ยังไม่ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว ยังเหลือเวลาอีกไม่มา มีสมาชิกได้เสนอแนวทางให้กับรัฐบาลแล้วคือ จำเป็นต้องใช้วิธีอย่างรวดเร็วในการจัดการกับงบประมาณ เช่น แก้ระเบียบเพื่อให้การใช้งบประมาณบรรลุได้ภายใน 6 เดือน ถ้ารัฐบาลสามารถเร่งการใช้จ่ายงบประมาณกว่า 710,000 ล้านเศษให้แล้วเสร็จภายใน 4-5 เดือน ตนเชื่อว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้การคาดการณ์ของสภาพัฒน์ฯไม่คลาดเคลื่อนเผลอๆ ตัวเลขอาจจะขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

นายวิทยา กล่าวว่า ในเรื่องที่ 2.ภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจยังอยู่ระดับสูง จนเห็นความตั้งใจของรัฐบาล โดยเฉพาะรมช.มหาดไทย ที่ออกไปสู้รบกับหนี้นอกระบบ แต่ปัญหาไม่ได้เกิดจากหนี้นอกระบบลอย ๆ หนี้สินนอกระบบที่เกิดขึ้นมากที่ผ่านมาจากโควิด ทำให้ทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจมีปัญหาด้านการเงิน ตัวปัญหาที่ทำให้เกิดหนี้นอกระบบมาก คือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ รมช.มหาดไทยจะออกไปสู้รบเรื่องหนี้นอกระบบมากเท่าใดก็ตาม แต่ถ้าเครดิตบูโรยังประกาศทุกวันว่า ใครไม่มีเครดิตในการกู้ยืม ลูกหนี้ผิดนัดชำระ 7 วัน ผิดนัดชำระ 1 เดือนพอถึง 3 เดือนเมื่อไหร่ กลายเป็นลูกหนี้ที่เลวร้ายถูกขึ้นบัญชี แม้เดือนที่ 4 จะเอาเงินไปชำระแล้ว แต่ลูกหนี้ยังอยู่ในบัญชีของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นลูกหนี้ที่ต้องแขวนชื่อไว้ 3 ปีเต็มถึงจะปลดหนี้ได้

“กระทรวงการคลังต้องหันกลับไปทบทวนการขึ้นบัญชีดำกับประชาชนและภาคธุรกิจ ที่ต้องหันไปใช้เงินนอกระบบ ไม่เช่นนั้นแล้วกระทรวงมหาดไทย จะแก้หนี้นอกระบบอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ถ้าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติยังไล่ลูกหนี้ไปอยู่นอกระบบเพิ่มขึ้นทุกวัน”นายวิทยากล่าว

สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เรื่องที่ 3 การที่รัฐบาลให้ความสำคัญในด้านความมั่นคง รัฐบาลบอกว่าจะดูแลปัญหาผลกระทบด้านยาเสพติด โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์ผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยเรื่องนี้เรื่องใหญ่ ถามสส.ที่อยู่ในสภาฯใครที่อยู่ชนบทมีหมู่บ้านไหนบ้างที่ไม่มีผลกระทบกับยาเสพติด เราปราบกันมากจับกันหนักแต่ตัวเลขวันนี้ในเรือนจำเรามีพื้นที่ขังนักโทษได้ 200,000 คน แต่เรามีผู้ต้องขังขณะนี้ 370,000 คนในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังติดยาเสพติด 70% ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดเอาผู้เสพเป็นผู้ป่วยได้เมื่อไหร่ เรือนจำจะว่าง ไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่ม จะมีผู้ต้องขังที่ออกจากเรือนจำทันที 200,000 คน ในฐานะที่รัฐบาลจะรับเป็นผู้ป่วยเข้ารักษายาเสพติด

“ข้อเท็จจริงเราเขียนกฎหมายให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย แต่ถึงวันนี้ระบบรักษาผู้ป่วยจากยาเสพติดยังไม่มี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องระดมความคิดระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงกลาโหม เพราะมีข้อเท็จจริงจากผู้ที่ติดยาเสพติดจากเรือนจำ เขาพูดตรงกัน ถ้าเรือจำไหนไม่มียาเสพติดไปขาย นักโทษในเรือนจำเลิกยาได้หมด ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ก็จะเป็นภัยคุกคามต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจำนวนมาก วันนี้เราเสียคนหนุ่มสาวไปกับยาเสพติดจำนวนมาก ผมขอให้กำลังใจในทิศทางที่รัฐบาลได้แถลงต่อสภา และเชื่อมั่นว่า ในชั้นกรรมาธิการจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ให้สำเร็จ”นายวิทยากล่าว

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า